โรคติดเชื้อวัณโรคในเด็ก เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งในบางครั้งเชื้อนี้จะไม่ได้อยู่แต่ในปอดเท่านั้น อาจแพร่กระจายไปที่อื่น ๆ ในร่างกายได้ เช่น กระดูกและข้อ ไต และเยื่อหุ้มสมอง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงไม่ควรมองข้ามเพราะเป็นโรคที่อันตราย ที่เป็นมากอาจถึงขั้นชีวิตได้
• เด็กมักติดเชื้อวัณโรคได้จากคนใกล้ชิดโดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ป่วย ติดต่อกันได้จากการไอ จาม หรือหายใจรับเชื้อเอาละอองเสมหะที่มีเชื้อวัณโรคเข้าไปในปอด
• เด็กมีภูมิคุ้มกันต่ำทำให้ได้รับเชื้อวัณโรคได้ง่าย เช่น ในช่วงอายุน้อยต่ำกว่า 2 ปี
• มีร่างกายอ่อนแอเช่น โรคขาดอาหาร เป็นโรคเอดส์ หรือกำลังป่วยเป็นโรคอื่นๆ
โดยทั่วไปเมื่อเด็กได้รับเชื้อเข้าสู้ร่ากาย จะไม่มีอาการผิดปกติหรือยังยังไม่แสดงให้เห็นชัดเจน แต่อาจสังเกตได้จากอาการเหล่านี้
• มีไข้
• ไอเรื้อรังติดต่อกัน
• เบื่ออาหาร
• น้ำหนักลด
• อ่อนเพลีย
• บางรายต่อมน้ำเหลืองโต
เนื่องจากอาการนั้นไม่แสดงออกทันที ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องคอยดูว่ามีคนใกล้ชิด หรือผู้ใหญ่ในครอบครัวคนใดที่เป็นโรควัณโรคหรือไม่ หากมีก็ให้สงสัยไว้ก่อนว่าลูกอาจมีโอกาสติดเชื้อได้ จึงควรพาไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ทำการวินิจฉัย และถ้าตรวจแล้วพบว่าเป็นโรคนี้ แพทย์ก็จะทำการรักษาต่อไปด้วยวิธีดังนี้
1. หลังจากทำการตรวจแล้วผลบ่งชี้ว่าเป็นเพียงการติดเชื้อวัณโรค โดยที่ยังไม่มีอาการใด ๆ แพทย์จะพิจารณาให้ยารักษาเพียงขนานเดียว เช่น ยา INH รับประทานนาน 9 เดือน
2. ในกรณีที่พบว่ามีการลุกลามของวัณโรคแล้ว แพทย์จะพิจารณาให้ยาร่วมกันอย่างน้อย 2-3 ชนิดไปอย่างน้อย 9 เดือนถึง 1 ปี
1. ฉีดวัคซีนบี.ซี.จี. เพื่อป้องกันการเกิดโรควัณโรค แต่วัคซีนอาจไม่มีประสิทธิภาพพอในการป้องกันวัณโรคปอดมากนัก ถึงแม้จะป้องกันได้ไม่เต็มร้อยแต่ก็สามารถป้องกันเชื้อวัณโรคชนิดรุนแรงแบบแพร่กระจาย และวัณโรคเยื่อหุ้มสมองได้
2. เมื่อเด็กมีไข้ หรือมีอาการเจ็บป่วยหลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในแหล่งชุมชน สถานที่ที่มีผู้คนแออัด เช่น ห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ
3. หากสมาชิกคนใดคนหนึ่งในบ้านเป็นโรคนี้ควรรีบรักษาให้หาย ใส่หน้ากากอนามัยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ และพาเด็กไปพบแพทย์ทันที