Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

"น้ำดี" กินไม่ได้แต่มีประโยชน์

Posted By Plook Creator | 15 ม.ค. 61
40,520 Views

  Favorite

"ถุงน้ำดี (Gallbladder)" เป็นอวัยวะที่มีชื่อแปลกกว่าอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย และเราก็ไม่สามารถมองเห็นมันได้ นั่นไม่ใช่เพราะว่ามันมีขนาดเล็กมาก แต่เป็นเพราะมันอยู่ภายในร่างกายของเรา โดยเป็นส่วนหนึ่งของระบบทางเดินอาหารและลำไส้

 

ถุงน้ำดีอยู่บริเวณใต้ตับ มีรูปร่างเหมือนถุงหรือกระเปาะซึ่งมีท่อเชื่อมกับลำไส้เล็กและตับ ภายในบรรจุ "น้ำดี (Bile)" ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารประเภทไขมัน โดยปกติแล้วสารอาหารอย่างโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตสามารถละลายน้ำได้ และการย่อยสารอาหารจำพวกนี้จะทำได้ง่ายกว่า แต่สำหรับไขมันซึ่งไม่ละลายในน้ำ จำเป็นต้องใช้น้ำย่อยชนิดพิเศษอย่าง "น้ำดี" เมื่อมีก้อนไขมันหรือหยดไขมันมาถึงลำไส้เล็ก ถุงน้ำดีจะปล่อยน้ำดีเข้าสู่ลำไส้เล็ก เมื่อน้ำดีรวมกับก้อนไขมันแล้วมันจะทำหน้าที่เป็นอิมัลซิไฟเออร์ คือ ทำให้ไขมันแตกตัวเป็นหยดไขมันที่มีขนาดเล็กลงและรวมกับน้ำย่อยที่ชื่อว่าไลเพส (Lipase) ได้ น้ำย่อยไลเพสจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการย่อยไขมันขนาดเล็กให้เป็นกรดไขมันอิสระ เพื่อรอให้ลำไส้เล็กดูดซึมเข้าสู่ร่างกายต่อไป

ภาพ : Shutterstock

 

ทั้งนี้ น้ำดีไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่ช่วยในการย่อยไขมันเท่านั้น มันยังมีหน้าที่ช่วยกำจัดสารที่ร่างกายผลิตออกมาชื่อบิลิรูบิน (Bilirubin) ซึ่งจะถูกปลดปล่อยออกมาจากเซลล์เม็ดเลือดเก่าที่โดนทำลาย และยังช่วยกำจัดคอเลสเตอรอล  ดังนั้น ถ้าหากน้ำดีไม่เพียงพอ ถุงน้ำดีมีปัญหา เกิดโรค หรืออาการผิดปกติ และไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง เราก็จะไม่สามารถย่อยและได้รับสารอาหารจำพวกไขมันได้ ฟังผิวเผินอาจจะหมายถึงว่าเรากินเท่าไรก็จะไม่อ้วน เพราะว่าร่างกายไม่ย่อยไขมัน แต่ข้อเท็จจริงคือ ไขมันที่เข้าสู่ร่างกายจะตกค้างในระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องอืดได้

 

นอกจากนี้ร่างกายของเราก็ยังจำเป็นต้องได้รับสารอาหารประเภทไขมันในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำอีกด้วย เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งพลังงานของร่างกายแล้ว ไขมันยังเป็นตัวทำละลายที่ดีสำหรับสารอาหารบางชนิด เช่น วิตามินบางชนิดซึ่งจำเป็นต่อร่างกายของเราและจะละลายในไขมันเท่านั้น ได้แก่ วิตามิน A E D และ K

 

โรคยอดฮิตที่มักเกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนถุงน้ำดี ได้แก่
1. โรคนิ่วในถุงน้ำดี โดยนิ่วนี้อาจจะไปอุดตันท่อส่งน้ำดี และทำให้ไม่สามารถส่งน้ำดีออกไปย่อยไขมันที่ลำไส้เล็กได้
2. โรคถุงน้ำดีอักเสบ (Cholecystitis) ซึ่งหากเกิดขึ้นทันทีและทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดรุนแรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงด้านขวา ตรงตำแหน่งของถุงน้ำดี แต่สามารถรักษาหายได้ใน 1-2 สัปดาห์ จะเรียกว่า การอักเสบแบบเฉียบพลัน แต่หากเป็นบ่อย ๆ เป็น ๆ หาย ๆ จะเรียกว่า การอักเสบแบบเรื้อรัง โดยสาเหตุมาจากการมีนิ่วในถุงน้ำดีไปก่อกวนถุงน้ำดี ทำให้อักเสบ ติดเชื้อ หรืออาจจะเกิดจากการติดเชื้อเพียงอย่างเดียวก็ได้

 

โรคที่เกี่ยวกับถุงน้ำดีไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่สามารถลดปัจจัยเสี่ยงได้โดยการใช้ชีวิตอย่างมีสมดุล กินอิ่มแต่พอดี นอนหลับแต่พอเพียง ออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ ลดอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง รวมถึงคุมปริมาณน้ำตาลและไขมันในกระแสเลือดอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง

 

 

ภาพปก : Shutterstock

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Creator
  • 15 Followers
  • Follow