Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

โรคหูน้ำหนวกในเด็ก

Posted By Plook Parenting | 22 ก.ย. 60
27,541 Views

  Favorite

คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าโรคหูน้ำหนวก เกิดจากน้ำเข้าหู แต่ในความเป็นจริงโรคหูน้ำหนวกเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในหูชั้นกลาง และมักพบบ่อยในเด็กหลังจากป่วยเป็นไข้หวัดหรือปอดบวม ซึ่งโรคหูน้ำหนวกนี้อาจส่งผลต่อการเรียนรู้ และพัฒนาการทางการได้ยินของลูกน้อยได้

 

โรคหูน้ำหนวก เป็นโรคที่พบบ่อยโดยเฉพาะในเด็กเล็ก เนื่องจากท่อปรับความดันของหูชั้นกลางยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ จึงเกิดภาวะติดเชื้อหรือเป็นหวัดได้ง่าย อาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย ทั้งจากอาการไข้หวัดและปอดบวม โดยเชื้อเหล่านี้จะก่อให้เกิดอาการอักเสบที่หูชั้นกลาง จนมีน้ำหนวกหรือน้ำหนองไหลออกมาจากรูหูได้ สามารถจำแนกลักษณะของโรคหูน้ำหนวก 3 ชนิด ดังนี้

     1. หูน้ำหนวกชนิดเฉียบพลัน : เกิดจากการติดเชื้อ พบบ่อยในเด็กเล็กหลังจากเป็นไข้หวัด หรือเป็นโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ มีกมีอาการค่อนข้างรุนแรง

     2. หูน้ำหนวกชนิดใส : เกิดจากการทำงานของท่อระบายอาการศในหูชั้นกลางบกพร่อง ทำให้มีน้ำขังอยู่ เด็กจะรู้สึกเหมือนมีน้ำขังอยู่ในหูตลอดเวลา

     3. หูน้ำหนวกชนิดเรื้อรัง : เกิดจากหูชั้นกลางอักเสบเป็นระยะเวลามากกว่า 3 เดือน เด็กจะมีน้ำหนวกไหลออกมาเป็นบางครั้ง หากปล่อยไว้จะก่อให้เกิดอันตรายได้

 

ภาพ : Shutterstock

 

อาการ

     • มีน้ำหนวก น้ำเมือก หรือน้ำหนองไหลออกมาจากหู

     • เด็กมักร้องไห้งอแงเนื่องจากปวดหูมาก

     • มีไข้ และมีน้ำมูก

     • ประสิทธิภาพในการได้ยินลดลง หรือหูอื้อ

     • ปวดหัวหรือเวียนหัว

 

วิธีการดูแลรักษา

1. สังเกตอาการปวดหูของลูก

คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าอาการปวดหูของลูกขณะเป็นไข้หวัด เป็นอาการข้างเคียง จึงปล่อยปละละเลยและคิดว่าอาการเหล่านี้จะทุเลาไปเองเมื่อลูกหายจากหวัด ซึ่งหากไม่หมั่นสังเกตอาการปวดหูของลูก คอยส่องดูในหูว่ามีรูหรือมีน้ำหนองหรือไม่ ก็อาจส่งผลให้หูของลูกอักเสบ และก่อให้เกิดเปฌนโรคหูน้ำหนวกได้

 

2. รักษาความสะอาดบริเวณใบหูของอยู่เสมอ

สุขอนามัยที่ดีย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายของลูก หากปล่อยให้บริเวณใบหูของลูกมีคราบเหงื่อไคล หรือให้ลูกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่นละออง อาจส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ เข้าไปในหูของลูกได้ง่ายขึ้น ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรดูแลความสะอาดบริเวณใบหูของลูกบ่อย ๆ และควรเช็ดให้แห้งหลังจากอาบน้ำสระผมเสร็จ

 

3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอนับเป็นเกราะป้องกันภัยชั้นเยี่ยมที่ช่วยให้ลูกห่างไกลจากโรคภัยต่าง ๆ ได้ นอกจากการออกกำลังกายแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกกินอาหารที่มประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเขาไปด้วยอีกทางหนึ่ง

 

4. รีบไปพบแพทย์เมื่อมีอาการ

หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นความผิดปกติบริเวณใบหูของลูก หรือสงสัยว่าลูกอาจเป็นโรคหูน้ำหนวก ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโดยเร็ว เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจลุกลามกลายเป็นโรคหูน้ำหนวกเรื้อรัง ซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายแรงอื่น ๆ เช่น โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือหูหนวก ตามมาในภายหลังได้

 

5. ปฏิบัติตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด

หลังจากแพทย์วินิจฉัยอาการแล้ว อาจได้รับยาหยอดหูหรือยากินตามความรุนแรงของโรค ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และเมื่อครบกำหนดควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการอีกครั้ง หากลูกอาการยังไม่ดีขึ้น อาจต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการทั้งหมดให้หายไป

 

โรคหูน้ำหนวก เป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากคุณพ่อคุณแม่ดูแลสุขอนามัยของลูกอย่างถูกวิธี และปฏิบัติตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพราะหากลูกมีร่างกายที่แข็งแรง อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ก็จะทุเลาลงเร็วขึ้น และลูกก็จะห่างไกลจากโรคต่าง ๆ มากขึ้นเช่นกัน

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Parenting
  • 8 Followers
  • Follow