Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ปล่อยวาง : ศิลปะหลักการคิดให้ชีวิตมีสุข มีกำลังใจไม่เครียด ให้อภัย และเดินต่อไป

Posted By มหัทธโน | 17 ส.ค. 60
109,130 Views

  Favorite

 

เชื่อหรือไม่ว่า ทุกข์สมัยนี้กับทุกข์สมัยก่อนเหมือนกัน แต่ถูกอธิบายด้วยความหมายที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง

“ผู้ที่อ่อนแอไม่สามารถให้อภัยใครได้
เพราะการให้อภัยได้นั้น นับเป็นความเข้มแข็งที่แท้จริง”
       

เมื่อทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุม ก็ลองปรับใจตัวเองให้วางลง อย่าวุ่นวายไปตามเหตุการณ์ภายนอกมากนัก
เพราะแม้แต่ชีวิตเราก็อยู่เหนือการควบคุม อยากจะให้สุข บางทีก็ทุกข์ อยากจะหายทุกข์ ก็กลับทุกข์มากขึ้น ลองคิดใหม่ว่า เดี๋ยวทุกอย่างก็ผ่านไป พยายามรักษาใจตัวเองให้เป็นปกติก็พอ  และเมื่อหยุดโกรธได้ ชีวิตคุณก็จะเป็นสุข 

 

ศิลปะของการปล่อยวาง

1. ปล่อยวางความโกรธ มีความรักและปรารถนาดีต่อผู้อื่น

มีคำกล่าวว่า “ความโกรธ คือ ยาพิษที่คุณกลืนลงคอตัวเอง เพื่อหวังฆ่าคนอื่น” 
ความหมาย ก็คือ เมื่อคุณโกรธ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว กล้ามเนื้อเกร็ง ความดันโลหิตสูงขึ้น ถ้าเกิดเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แล้วดับไป ก็จะไม่เป็นอันตรายนัก แต่ถ้ามีอารมณ์โกรธแค้นฝังลึกอยู่ในจิตใจตลอดเวลา มันจะส่งผลร้ายต่อร่างกายในระยะยาว เมื่อตอบโต้คนที่ทำไม่ดีกับคุณแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เช่น แกเกลียดฉัน ฉันก็เกลียดแก นั่นเท่ากับว่า คุณทำตัวเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาซะเอง
       
เมื่อคุณโกรธแค้นใครบางคน นั่นไม่เพียงคุณกำลังทำร้ายตัวเอง แต่กลับปล่อยให้คนนั้นควบคุมสภาพอารมณ์ของคุณอีกด้วย ดังนั้น สิ่งที่ควรทำก็คือปล่อยวางความโกรธ อย่าไปยึดมั่นไว้ในใจ พยายามทำตัวเองให้มีความสุข มีความรักและปรารถนาดีให้ผู้อื่นเสมอ
      

2. อย่าคิดแก้แค้น

หากต้องการแก้แค้น การแก้แค้นที่ดีที่สุดคือ
"การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จ ถ้าคุณสามารถฝึกตนเองให้คิดดี ทำดีได้ตลอด จะส่งให้คุณมีพลังดึงดูดคนที่คิดดีทำดีเข้ามาในชีวิต"


ดังคำพูดของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์และนักปรัชญาชื่อก้องโลก ที่กล่าวไว้ว่า 
“คุณไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เมื่อคุณหมกมุ่นอยู่กับความคิด และความรู้สึกด้านลบ”
       

วิธีที่จะช่วยให้คุณโฟกัสความคิดด้านบวกได้คือ ฝึกท่องคำว่า “รัก ให้อภัย ปล่อยวาง สันติสุข” ไว้ตลอดเวลานั่นเอง
       

3. สวดมนต์แผ่เมตตา   

เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อมีใครบางคนทำสิ่งไม่ดีกับคุณ ไม่ว่าจะทางกาย วาจา ใจ ปฏิกิริยาแรกที่คุณมี คือ โกรธคนคนนั้น
คุณสามารถควบคุมอารมณ์โกรธมิให้เกิดขึ้นแต่แรกได้ ด้วยการบอกตัวเองว่า “เราทั้งหลายล้วนเป็นมนุษย์ปุถุชนที่มีทั้งรัก โลภ โกรธ หลง” แล้วให้สวดมนต์แผ่เมตตาให้คนนั้น เพื่อเรียกสติของตัวคุณเองคืนมา พร้อมกับแผ่พลังด้านดีให้เขาด้วย

 

ภาพ : Shutter Stock

       

4. แสวงหาความสุขภายใน

จำไว้ว่า อย่าแสวงหาความสุขจากภายนอก เพราะมันไม่ยั่งยืน แต่จงให้ความสำคัญกับความรู้สึกซาบซึ้งต่อสิ่งดี ๆ ภายในจิตใจที่เปล่งประกายออกมา ถ้าคุณปล่อยให้ความรู้สึกนึกคิดและความเป็นตัวตนของคุณ ผันแปรไปตามเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มิอาจคาดเดา หรือความแปรปรวนทางอารมณ์ของผู้คนมากหน้าหลายตาละก็ บอกได้เลยว่า ความสุขใน ชีวิตคุณก็จะขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนรถไฟเหาะตีลังกาตลอดเวลานั่นเอง
       
เพราะความสุขที่แท้จริงนั้น เป็นความสุขที่เกิดขึ้นจากใจที่เบิกบานปีติยินดี ดังนั้น แทนที่คุณจะมัวหลงติดกับสิ่งแย่ ๆ ที่ทำให้คุณเกิดอารมณ์ขุ่นมัวในแต่ละวัน ก็ควรหันมานึกถึงเรื่องดี ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตบ้าง วิธีนี้จะช่วยให้คุณผ่านพ้นแต่ละวันไปได้อย่างมีความสุขและแจ่มใส
       

5. อุปสรรคคือบททดสอบชีวิต

มีคำสอนในพุทธศาสนากล่าวไว้ว่า อุปสรรคความทุกข์ยากบางอย่างที่คุณกำลังประสบอยู่นั้น เกิดแต่กรรมเก่า ยิ่งลำบากทุกข์มากเท่าไหร่ นั่นคือคุณกำลังชดใช้กรรมเก่าให้หมดไป
แต่ไม่ว่าคุณจะเชื่อเรื่องนี้หรือไม่ก็ตาม มันก็จะทำให้คุณมีกำลังใจที่จะปรับปรุงแก้ไขเหตุการณ์เลวร้ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต ซึ่งเป็นเสมือนการทดสอบความเป็นตัวตนของคุณ

       
และถ้าคุณรู้สึกเหมือนกำลังถูกทดสอบอยู่ จงถามตัวคุณเองว่า กำลังถูกทดสอบเรื่องอะไร ความอดทนอดกลั้น? ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น? ความยืดหยุ่น? การให้อภัย? การเปิดใจให้กว้าง? ความเข้มแข็ง? เมื่อได้คำตอบ แล้ว อย่ารอช้า... รีบปรับปรุงแก้ไขโดยเร็วที่สุด
 

6. มีทัศนะมุมมองที่ดี

ถ้าคุณกำลังเผชิญกับอุปสรรคความยากลำบากอยู่ ให้เตือนตัวเองว่า อุปสรรคความทุกข์ยากเหล่านั้นมิใช่ทั้งหมดของชีวิต มันเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของชีวิตเท่านั้น แล้วก็จะผ่านพ้นไป
       
จงตั้งสติให้มั่น อย่าปล่อยให้ความทุกข์ยากเหล่านั้นมาบั่นทอนพลังในตัวคุณ เพราะเมื่อคุณเอาชนะมันได้ แน่นอนว่า สิ่งดี ๆ ก็จะเกิดตามมา ดังคำโบราณที่ว่า “ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน” นั่นคือ ไม่มีใครสุขตลอดหรือทุกข์ได้ตลอดไป
 

7. เรียนรู้จากบทเรียน

ควรพัฒนาจิตใจให้เป็นดั่ง “ผู้เรียนรู้ มิใช่เหยื่อ” หมายถึง การนำประสบการณ์ของตนเองหรือผู้อื่นมาปรับใช้ เพื่อป้องกัน มิให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย
 ให้คำมั่นกับตัวเองว่า จะควบคุมอารมณ์ให้ได้เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ทำ ให้อารมณ์เสีย และพยายามหลีกเลี่ยงมิให้ตกอยู่ในสภาวะเช่นนั้นอีกในอนาคต
       

8. มองข้ามสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ซะบ้าง แม้จะไม่ถูกต้องก็ตาม

เมื่อรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่เล็กน้อยกำลังอยู่ในทางที่ไม่ถูกไม่ควร ก็อาจจะทำให้คุณรู้สึกเครียดจนลืมมองถึงหลาย ๆ อย่างที่กำลังไปได้สวย ซึ่งมีค่ามากกว่าที่คุณจะเอาเวลามาเครียดกับสิ่งผิดพลาดที่อาจส่งผลทำให้คุณท้อถอย ดังนั้น ลองมองข้ามสิ่งผิดพลาดเหล่านั้นไปและขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่ยังเหลืออยู่ดีกว่า

 

9. เลิกเจ้ากี้เจ้าการ เลิกกังวลในสิ่งที่คนอื่นคิด

บางครั้งเพื่อให้สิ่งที่คุณทำประสบความสำเร็จ ก็อาจจะทำให้กลายเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการ ออกคำสั่ง และกลายเป็นจอมบงการไปโดยไม่รู้ตัว แต่รู้ไหมว่า ยิ่งบงการยิ่งทำให้ล้มเหลว และเมื่อไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควรก็จะรู้สึกเครียด  ดังนั้นควรจะปล่อยให้เป็นไปในทางที่ควรจะเป็น และยอมรับได้อย่างไม่มีเงื่อนไข ถึงแม้อาจจะดูเหมือนว่า คุณท้อและยอมแพ้ แต่จริง ๆ แล้ว เป็นทางออกที่ดีที่สุด แถมยังทำให้คุณรู้สึกสบายใจขึ้นอีกด้วย

 

นอกจากนี้ ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะทำทุกสิ่งพอใจทุกคนไปเสียหมด ดังนั้นอย่าใส่ใจสิ่งที่คนอื่นคิด เพราะยิ่งคิดและแคร์ในสิ่งที่คนอื่นคิดมากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งทำให้เครียดมากขึ้นเท่านั้น และทำให้ไม่สามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้เต็มที่ การเก็บคำพูด หรือสิ่งที่คนอื่นคิดมาเป็นอารมณ์อาจจะทำให้สิ่งที่กำลังทำอยู่ล้มเหลวได้ง่าย ๆ เพราะฉะนั้นจงใช้ชีวิตในแบบที่คุณเป็น มากกว่าจะใช้ชีวิตตามความคิดของคนอื่น 

 

10. ลืมไปเถอะกับอดีตที่เลวร้าย อย่าเสียเวลากับคนผิดคน

บาง คนอาจจะต้องเสียเวลาไปหลายปีให้กับคนที่ไม่เคยให้ความสำคัญหรือให้ความเคารพ จนเป็นบาดแผลและความทรงจำที่เจ็บปวด ทำให้ชีวิตไม่ก้าวหน้าไปไหน จมปลักกับความโศกเศร้า และความเครียด 
 

เพราะฉะนั้น หากคุณรู้สึกว่าใครกำลังทำให้คุณเสียโอกาสและเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ คุณควรจะปล่อยวางทิ้งเอาไว้ข้างหลังแล้วเดินออกมา และเลิกนึกถึงคนเหล่านั้น เอาเวลาที่คุณเคยใช้กับคนผิดคนไปทำอะไรที่สร้างสรรค์และทำให้ตัวเองดีขึ้น  หากสิ่งเหล่านั้นคือความผิดพลาดที่คุณไม่อาจให้อภัยตัวเองได้ ก็ควรจะเปลี่ยนความคิดใหม่ และให้อภัยตัวเอง เพื่อที่จะลุกขึ้นเดินต่อไปอีกครั้งหนึ่ง 

 

11. เปิดใจแล้วมองให้กว้างขึ้น

ปัจจุบัน นี้อาจจะมีหลายคนที่ตัดสินผู้อื่นเพียงเพราะสิ่งที่เห็น ไม่ใช่ในสิ่งที่เป็น ทำให้พลาดในสิ่งดี ๆ ไปโดยไม่รู้ตัว ลองเปิดใจแล้วมองให้กว้างขึ้น เลิกตัดสินคนอื่นจากภายนอกแล้วมองลงไปในจิตใจของพวกเขา อาจจะพบว่าผู้คนและเหตุการณ์ที่ดูเลวร้าย อาจจะดีกว่าที่คิด 

 

12. อย่าปล่อยให้ความขัดแย้งบานปลาย

บางครั้งความเข้าใจผิดกันเพียงเล็กน้อยก็อาจจะบานปลายใหญ่โตได้ ถ้าหากปล่อยทิ้งเอาไว้ ทางที่ดีที่สุดคือ หากคุณและคนที่คุณรักเกิดการเข้าใจผิดกันเพียงเล็กน้อย ก็อย่าให้สิ่งเหล่านั้นทำให้คุณมองข้ามสิ่งดี ๆ ที่เคยทำมาร่วมกัน เพราะสิ่งดี ๆ เหล่านั้นมีค่าเกินกว่าที่จะสูญเสียไปเพียงเพราะความเข้าใจผิดเล็กน้อย อย่าให้ความคิดผิด ๆ ที่ทำให้คุณและอีกฝ่ายเข้าใจผิดกันกลายเป็นชนวนของจุดจบความสัมพันธ์ 

 

13. เคารพตนเองให้มากขึ้น

แม้ไม่มีใครเชื่อมั่นในตัวคุณ สิ่งที่ไม่ควรขาดหายไปก็คือ การเชื่อมั่นในตัวเองและการเคารพตนเอง คนทั้งโลกอาจจะหันหลังให้คุณได้ แต่คุณไม่ควรหันหลังให้กับตนเอง ดังนั้นจงเชื่อมั่นในตัวเองให้มากที่สุด ให้ความเคารพตนเองให้มากกว่าเดิม แล้วรับรองว่าทุกอย่างก็จะดีขึ้น 

 

14. ไม่มีคำว่าผิดที่ผิดเวลา

เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาและสถานที่เหล่านั้น ต่างก็มีเหตุผลว่าทำไมถึงได้เกิดขึ้น และไม่ใช่ความผิดพลาดหรือเกิดขึ้นผิดที่ ผิดเวลา อย่างแน่นอน
ดังนั้นหากมีอะไรเกิดขึ้นในเวลาที่ไม่คาดคิด อย่าเพิ่งคิดว่า สิ่งเหล่านั้นไม่ควรเกิดขึ้น แต่ควรจะขอบคุณด้วยซ้ำที่สิ่งเหล่านั้นได้เกิดขึ้น เพราะปัญหาจะทำให้คุณเติบโตขึ้นไปอีกขั้น 

 

 

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
  • Posted By
  • มหัทธโน
  • 4 Followers
  • Follow