Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

Grammar: จำได้ไหม หลักการใช้ a, an, the

Posted By Plook Creator | 10 ก.ค. 60
106,900 Views

  Favorite

a, an, the คำนำหน้านาม (Articles) ที่เราต้องรู้จักตั้งแต่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษ แต่เรื่องพื้นฐานนี้นี่แหละที่ยังสร้างความสับสนอยู่ว่าใช้อย่างไร มาทบทวนหลักการใช้ a, an, the กันค่ะ


คำที่ใช้นำหน้าคำนาม (Articles) แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

1. คำนำหน้าคำนามที่ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง (Indefinite Articles) ได้แก่ a และ an

a

a ใช้นำหน้าคำนามนับได้เอกพจน์ที่ขึ้นต้นด้วยเสียงพยัญชนะ และเป็นคำนามทั่วไปไม่ชี้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นอันไหน

ตัวอย่าง :

Amphon wants to see a movie. (อำพลอยากดูหนัง)
เป็นการพูดถึงหนังทั่วไป ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นหนังแนวไหน หนังเรื่องอะไร

Do you know how to use a computer? (คุณรู้ไหมว่าคอมพิวเตอร์ใช้อย่างไร?)
พูดถึงคอมพิวเตอร์ทั่วไป ไม่ได้ระบุว่าเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องไหน รุ่นอะไร


an

an ใช้นำหน้าคำนามนับได้เอกพจน์ ที่เป็นคำนามทั่วไปไม่ชี้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นอันไหน เช่นเดียวกับ a **แต่ an จะใช้นำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ a, e, i, o, u

ตัวอย่าง :

I bought an umbrella yesterday. (เมื่อวานฉันซื้อร่ม)
พูดถึงร่มทั่วไป ไม่ได้ระบุว่าเป็นร่มคันไหน สีอะไร

Yaya is an actress. (ญาญ่าเป็นนักแสดง)
พูดถึงการเป็นนักแสดงทั่วไป ไม่ได้ชี้เฉพาะว่าเป็นประเภทใด


ข้อควรระวัง :
     1. คำนามบางคำขึ้นต้นด้วยพยัญชนะแต่ออกเสียงเป็นเสียงสระ จะใช้ an เช่น
         an hour (เอาเออร์)
         an x-ray  (เอกซเรย์)

     2. คำนามบางคำขึ้นต้นด้วยสระ แต่ออกเสียงเป็นเสียงพยัญชนะ จะใช้ a  เช่น
         a European (ยูโรเปี้ยน)
         a one day (วัน เดย์)    
         a university (ยูนิเวอร์ซิตี้)
         a union (ยูเนียน)    

หลักการจำง่าย ๆ : คำนามที่ออกเสียงพยัญชนะใช้ a แต่คำนามที่ออกเสียงสระ (อ) ใช้ an


2. คำนำหน้าคำนามที่ชี้เฉพาะเจาะจง (Definite Articles) ได้แก่ the

the

the ใช้นำหน้าคำนามที่เป็นเอกพจน์ พหูพจน์ ทั้งคำนามนับได้และนับไม่ได้ แต่คำนามนั้นต้องเป็นคำนามที่ชี้เฉพาะเจาะจง หรือถูกกล่าวถึงเป็นครั้งที่สอง เป็นคำนามที่ทั้งผู้พูดและผู้ฟังเข้าใจตรงกันว่าคือสิ่งไหน อันไหน  

ตัวอย่าง :

I remember the day we first met. (ฉันจำวันที่เราเจอกันครั้งแรกได้)
วันที่พูดถึงนั้นชี้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นวันที่ได้เจอกันครั้งแรก

Could you shut the door, please? (คุณช่วยปิดประตูหน่อยได้ไหม?)
ผู้พูดกับผู้ฟังเข้าใจตรงกันว่าเป็นประตูบานไหน

Nid travelled around the world. (นิดท่องเที่ยวรอบโลก)
เรารู้กันอยู่แล้วว่าเป็นโลกใบนี้ เพราะมีโลกใบเดียว


กฎการใช้ the

     1. ใช้นำหน้าคำนามที่มีเพียงหนึ่งเดียว เช่น the sun, the moon, the earth, the world, the universe

     2. ใช้กับการพูดขั้นสูงสุด เช่น The best, The most beautiful place in the world.

     3. ใช้เมื่อพูดถึงเครื่องดนตรี เช่น the piano, the guitar

     4. ใช้ The + adjective พูดถึงคำนามที่เป็นกลุ่มคน เช่น the elderly (พวกคนสูงวัย), the young (พวกเด็ก ๆ), the rich (พวกคนรวย), the homeless (พวกคนเร่ร่อน), the sick (พวกคนป่วย)

     5. ใช้กับสถานที่และธรรมชาติ แม่น้ำ ทะเล มหาสมุทร ภูเขา เกาะ เช่น the sky, the river, the sea, the Himalayas, the Hawaiian Islands

     6. ใช้บอกลำดับ เช่น The Second World War, the first mission, the sixth channel, the fifth page

     7. ใช้กับชื่อบางประเทศที่เป็นหพูพจน์ (มี s ต่อท้าย), ชื่อประเทศที่มีคำ kingdom, republic, state หรือมี of รวมอยู่ด้วย เช่น The United States of America, The United Kingdom, The Netherlands, The Philippines (ยกเว้นประเทศลาว Laos)

     8. ใช้นำหน้าชื่อครอบครัว (เป็นพหูพจน์เสมอ) เช่น The Potters (ครอบครัวพอตเตอร์), The Beckhams (ครอบครัวเบคแฮม)

     9. ใช้นำหน้าตำแหน่ง เช่น The president, the Queen, the professor, The Prime Minister


บางครั้งเราจะไม่ใช้ Article นำหน้าคำนามเมื่อพูดถึงสิ่งทั่วไปที่เป็นพหูพจน์ หรือสิ่งต่าง ๆ โดยรวมทั้งหมด เช่น

     I don’t like durians. ประโยคนี้พูดถึงทุเรียนทั่วไป ทุเรียนทั้งหมด

     I don’t like the durians we bought yesterday. ประโยคนี้พูดถึงทุเรียนที่ซื้อมาเมื่อวาน มีการเฉพาะเจาะจง เราจึงใช้ the


คำนามบางประเภทที่ไม่ต้องใช้ Articles เช่น

     1. ชื่อเฉพาะต่าง ๆ เช่น ประเทศ, เมือง, รัฐ, ตำบล, ถนน, ซอย เช่น I live in Bangkok.
     2. ชื่อทวีป เช่น She travelled across Asia.
     3. ชื่อภาษา เช่น I don’t speak English.
     4 ชื่อมื้ออาหาร เช่น I have my breakfast at seven o’clock.
     5. ชื่อวัน เช่น Monday morning she was stiff and tired.

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Creator
  • 44 Followers
  • Follow