Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

เลือกโรงเรียนอย่างไรให้ “สุขใจ” ทั้งครอบครัว

Posted By สุภาพรรณ ศรีสุข | 04 ก.ค. 60
3,919 Views

  Favorite

การเลือกโรงเรียน ดูจะเป็นอีกโจทย์หนึ่งที่พ่อแม่มักกังวลใจ เพราะนอกจากโรงเรียนจะเปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ของลูกแล้ว พ่อแม่ยังมุ่งหวังอยากให้ลูกได้รับการศึกษาจากโรงเรียนที่ดีที่สุดอีกด้วย

 

แต่โรงเรียนที่ดีมีคุณภาพ หรือมีชื่อเสียงนั้น อาจจะใช่สำหรับพ่อแม่ แต่สำหรับลูกนั้นอาจไม่ใช่โรงเรียนที่ลูกต้องการมากที่สุด คือ โรงเรียนที่ทำให้เขารู้สึกมีความสุข และไม่เปลี่ยนแปลงความเป็นเด็กในตัวเขาเร็วเกินไป และเมื่อลูกมีความสุขในการเรียนรู้ ก็จะทำให้การเรียนรู้นั้นเกิดประสิทธิภาพ และสามารถพัฒนาศักยภาพของลูกได้อย่างเต็มที่

 

ที่สำคัญนอกจากการเลือกโรงเรียนแล้ว การเตรียมความพร้อมให้ลูกนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากการเข้าโรงเรียนนั้น เปรียบเสมือนเรากำลังพาลูกข้ามผ่านจากสังคมที่มีแค่ที่บ้าน ไปสู่สังคมใหม่ที่ใหญ่ขึ้นนั่นก็คือ โรงเรียน ซึ่งความพร้อมในที่นี้ไม่ได้หมายความแค่เพียงความพร้อมทางด้านร่างกาย ที่เด็กจะต้องเริ่มช่วยเหลือตนเองได้ หรือเขียนหนังสือได้เท่านั้น แต่หมายถึงความพร้อมทางด้านสภาพจิตใจและอารมณ์ของลูกด้วย ซึ่งถ้าเด็กยังไม่พร้อมนั้น การรีบพาลูกเข้าโรงเรียนก็เท่ากับเป็นการสร้างภาวะความเครียดทางจิตใจลูกอย่างหนึ่ง

 

ภาพ : Shutterstock

 

วิธีการ

1. วางเป้าหมายให้ชัดเจน

พ่อแม่ควรมีเป้าหมายที่ชัดเจนถึงแนวทางการศึกษาของลูก เพื่อเตรียมความพร้อมลูกให้เหมาะสมกับรูปแบบการเรียนการสอนในโรงเรียนที่พ่อแม่คาดหวังไว้ เช่น ถ้าวางแผนไว้ว่าจะให้ลูกเข้าโรงเรียนแนววิชาการ เช่น สาธิต หรือคาทอลิก พ่อแม่ก็ต้องเตรียมความพร้อมลูก ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมในเรื่องของการช่วยเหลือตัวเอง หรือการเตรียมความพร้อมในเรื่องของสติปัญญา ที่จะต้องไปเจอการสอบแข่งขันที่เข้มข้น และที่สำคัญตัวของพ่อแม่เอง ก็จะต้องเตรียมตัวว่าตนเองจะต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น ในการเตรียมความพร้อมให้ลูกในทุก ๆ ด้าน

 

หรือถ้าพ่อแม่ชอบโรงเรียนแนวบูรณาการ ที่ไม่เน้นการอ่านเขียน ไม่เน้นการแข่งขัน พ่อแม่ก็ต้องมีการเตรียมใจว่าลูกของเราอาจจะอ่านหรือเขียนได้ช้ากว่าเด็กที่เรียนโรงเรียนแนววิชาการ แต่ลูกเราจะเป็นเด็กที่มีความสุข มีความพร้อมทางอารมณ์ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขาสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จำเป็น ต้องเน้นย้ำให้พ่อแม่มีความมั่นคง เพราะการตัดสินใจให้ลูกเรียนในแนวทางใดทางหนึ่งไปแล้ว และพ่อแม่เปลี่ยนใจกลางคัน สิ่งนั้นจะส่งผลต่อพัฒนาการการเรียนรู้ของลูกอย่างมาก เช่น เปลี่ยนจากแนวบูรณาการไปเป็นแนววิชาการ ลูกอาจจะเกิดความเครียด และอาจส่งผลให้มีพฤติกรรมบางอย่างเปลี่ยนไป เช่น จากเด็กช่างพูดร่าเริง อาจกลายเป็นเด็กที่เคร่งเครียด ซึมเศร้า เพราะขาดความสุขจากการเรียน

 

2. คำนวณระยะทางระหว่างบ้านไปโรงเรียนให้เหมาะสม

นอกจากคุณภาพแล้ว “ระยะทาง” ก็สำคัญ นอกจากการเลือกโรงเรียนที่พ่อแม่จะต้องดูความเหมาะสมในรูปแบบการสอน และศักยภาพของโรงเรียนแล้ว ความเหมาะสมในเรื่องของการรับส่ง หรือระยะทางจากบ้านไปถึงโรงเรียนก็สำคัญ เด็กบางคนต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อไปกินข้าว แต่งตัวบนรถ หรือเพื่อที่จะให้พ่อแม่ไปส่งให้ทันโรงเรียนเข้า และในตอนเย็นกว่าจะกลับถึงบ้านก็มืดแล้ว เด็กไม่มีเวลาได้เล่นหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ พ่อแม่ก็ไม่มีเวลาที่จะได้ทำกิจกรรมร่วมกับลูก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถ้าปล่อยให้เกิดขึ้นในระยาว ก็อาจเป็นสาเหตุของความเครียดสะสม ที่จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวอีกด้วย

 

ไม่ว่าสุดท้ายแล้ว เหตุผลในแต่ละครอบครัวจะเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญที่อยากให้พ่อแม่คิดถึงที่สุด มากกว่าแค่คำว่า “โรงเรียนดี” หรือ “โรงเรียนเหมาะสม” นั่นก็คือ "ความสุข" ของลูก ลองสังเกตดูว่าเมื่อพูดถึงโรงเรียนแล้ว ลูกมีความสุขหรือมีแววตาที่เป็นประกายด้วยความสุขหรือเปล่า เพราะความสุขคือแรงบันดาลใจสำคัญที่จะส่งผลให้การเรียนรู้ของลูกเกิดประสิทธิภาพ และทำให้เขาเกิดแรงผลักดันที่จะค้นหาและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ด้วยตนเอง

 

 

สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • สุภาพรรณ ศรีสุข
  • 4 Followers
  • Follow