Cancel
ติดต่อเรา
login
|
register
Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา
ที่มาและประวัติ
Highlights
Freenet
Application
หน้าแรก Plook Dharma
ข่าวธรรมะ
สามเณรปลูกปัญญาธรรม
เสียงธรรม
ค่ายวัยใส
บทความธรรม
บทความธรรม
คลิปธรรม
เสียงธรรม
บทสวดมนต์
วัดและสถานที่ปฏิบัติธรรม
ภาพรวมกิจกรรม
School Tour
Young Producer Award
รู้ทันโลกออนไลน์
หน้าแรก TV
ข่าวและกิจกรรม
รายการออนไลน์
รายการย้อนหลัง
ข่าวการศึกษา
Plook Classroom
Upskill
คลังบทเรียน
ปฐมวัย
ประถมศึกษา
มัธยมศึกษา
อาชีวศึกษา
อุดมศึกษา
Plook Tutor
คลังข้อสอบ
ปฐมวัย
ประถมศึกษา
มัธยมศึกษา
Smart Exams
Quiz
แนะแนว Plook Guidance
หน้าแรก Plook Explorer
ระบบค้นหาตัวเอง
รู้จักตนเอง
รู้จักอาชีพ
เลือกอาชีพ
เส้นทางสู่อาชีพ
ทำก่อนฝัน
คู่มือแนะแนวสำหรับคุณครู
คู่มือแนะแนวสำหรับผู้ปกครอง
คู่มือแนะแนวสำหรับโรงเรียน
TCAS
Plook TCAS
ข่าวรับตรง
ข่าวค่าย
TCAS Plan
Schooltour
GAT/PAT
9 วิชาสามัญ
O-NET
ครู
หน้าแรก Plook Teacher
การจัดการเรียนรู้
แผนการสอน
ผลงานวิชาการ
โครงการทรูปลูกปัญญา
All menu
home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
Cancel
login
|
register
ที่มาและประวัติ
Highlights
Freenet
Application
หน้าแรก Plook Dharma
ข่าวธรรมะ
สามเณรปลูกปัญญาธรรม
เสียงธรรม
ค่ายวัยใส
บทความธรรม
บทความธรรม
คลิปธรรม
เสียงธรรม
บทสวดมนต์
วัดและสถานที่ปฏิบัติธรรม
ภาพรวมกิจกรรม
School Tour
Young Producer Award
รู้ทันโลกออนไลน์
หน้าแรก TV
ข่าวและกิจกรรม
รายการออนไลน์
รายการย้อนหลัง
ข่าวการศึกษา
Plook Classroom
Upskill
คลังบทเรียน
ปฐมวัย
ประถมศึกษา
มัธยมศึกษา
อาชีวศึกษา
อุดมศึกษา
Plook Tutor
คลังข้อสอบ
ปฐมวัย
ประถมศึกษา
มัธยมศึกษา
Smart Exams
Quiz
แนะแนว Plook Guidance
หน้าแรก Plook Explorer
ระบบค้นหาตัวเอง
รู้จักตนเอง
รู้จักอาชีพ
เลือกอาชีพ
เส้นทางสู่อาชีพ
ทำก่อนฝัน
คู่มือแนะแนวสำหรับคุณครู
คู่มือแนะแนวสำหรับผู้ปกครอง
คู่มือแนะแนวสำหรับโรงเรียน
TCAS
Plook TCAS
ข่าวรับตรง
ข่าวค่าย
TCAS Plan
Schooltour
GAT/PAT
9 วิชาสามัญ
O-NET
ครู
หน้าแรก Plook Teacher
การจัดการเรียนรู้
แผนการสอน
ผลงานวิชาการ
โครงการทรูปลูกปัญญา
EDUCATION
ข่าวการศึกษา
คลังบทเรียน
ปฐมวัย
ประถมศึกษา
มัธยมศึกษา
อาชีวศึกษา
อุดมศึกษา
คลังข้อสอบ
ปฐมวัย
ประถมศึกษา
มัธยมศึกษา
Smart Exams
Quiz
แนะแนว Plook Guidance
หน้าแรก Plook Explorer
ระบบค้นหาตัวเอง
รู้จักตนเอง
รู้จักอาชีพ
เลือกอาชีพ
เส้นทางสู่อาชีพ
ทำก่อนฝัน
คู่มือแนะแนวสำหรับคุณครู
คู่มือแนะแนวสำหรับผู้ปกครอง
คู่มือแนะแนวสำหรับโรงเรียน
TCAS
หน้าแรก TCAS
ข่าวรับตรง
ข่าวค่าย
TCAS Plan
Schooltour
GAT/PAT
9 วิชาสามัญ
O-NET
ครู
หน้าแรก Plook Teacher
การจัดการเรียนรู้
แผนการสอน
ผลงานวิชาการ
โครงการทรูปลูกปัญญา
Classroom
หน้าแรก Classroom
TV
หน้าแรก TV
ข่าวและกิจกรรม
รายการออนไลน์
รายการย้อนหลัง
ผังรายการ
KNOWLEDGE
หน้าแรก Plook Knowledge
FRIENDS
หน้าแรก Plook Friends
ธรรมะ
หน้าแรก Plook Dharma
ข่าวธรรมะ
สามเณรปลูกปัญญาธรรม
ปลูกปัญญาธรรม พุทธเรดิโอ
บทความธรรม
คลิปธรรม
เสียงธรรม
บทสวดมนต์
วัดและสถานที่ปฏิบัติธรรม
PLOOK MAGAZINE
หน้าแรก Plook Magazine
อ่านย้อนหลัง
กิจกรรม
ภาพรวมกิจกรรม
School Tour
Young Producer Award
รู้ทันโลกออนไลน์
Blog
หน้าแรก Plook Blog
เขียน Blog
โครงการทรูปลูกปัญญา
ที่มาและประวัติ
Highlights
Freenet
Application
About us
ทรูปลูกปัญญา
ทรูปลูกปัญญา มีเดีย
แจ้งปัญหาการใช้งาน
ติดต่อเรา
Partnership
Login
|
Register
Home
Education
ข่าวการศึกษา
คลังบทเรียน
ปฐมวัย
ประถมศึกษา
มัธยมศึกษา
อาชีวศึกษา
อุดมศึกษา
สอนศาสตร์
คลังข้อสอบ
คลังข้อสอบ
ปฐมวัย
ประถมศึกษา
มัธยมศึกษา
Smart Exams
Quiz
แนะแนว Plook Guidance
หน้าแรก Plook Explorer
ระบบค้นหาตัวเอง
รู้จักตนเอง
รู้จักอาชีพ
เลือกอาชีพ
เส้นทางสู่อาชีพ
ทำก่อนฝัน
คู่มือแนะแนวสำหรับคุณครู
คู่มือแนะแนวสำหรับผู้ปกครอง
คู่มือแนะแนวสำหรับโรงเรียน
Admissions
หน้าแรก TCAS
ข่าวรับตรง
ข่าวค่าย
9 วิชาสามัญ
O-NET
TCAS
หน้าแรก TCAS
ข่าวรับตรง
ข่าวค่าย
Schooltour
GAT/PAT
9 วิชาสามัญ
O-NET
ครู
หน้าแรก Plook Teacher
การจัดการเรียนรู้
แผนการสอน
ผลงานวิชาการ
โครงการทรูปลูกปัญญา
Classroom
Knowledge
Blog
TV
หน้าแรก TV
ข่าวและกิจกรรม
รายการออนไลน์
รายการย้อนหลัง
ผังรายการ
ธรรมะ
หน้าแรก Plook Dharma
ข่าวธรรมะ
สามเณรปลูกปัญญาธรรม
ปลูกปัญญาธรรม พุทธเรดิโอ
ค่ายวัยใส
บทความธรรม
คลิปธรรม
เสียงธรรม
บทสวดมนต์
วัดและสถานที่ปฏิบัติธรรม
กิจกรรม
ภาพรวมกิจกรรม
School Tour
Young Producer Award
รู้ทันโลกออนไลน์
โครงการทรูปลูกปัญญา
ที่มาและประวัติ
Highlights
Freenet
Application
ติดต่อเรา
แจ้งปัญหาการใช้งาน
Home
>
Knowledge
>
การศึกษา
โครงการ "ผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น" ปี 2560
Posted By Plook Teacher | 03 ก.ค. 60
6,333 Views
Favorite
วิทยาศาสตร์ 1
วิทยาศาสตร์ 2
วิทยาศาสตร์ 3
วิทยาศาสตร์ 4
วิทยาศาสตร์ 5
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ บรรยายพิเศษในการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเตรียมความพร้อมผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ปี พ.ศ.2560 (กรณีคัดเลือกนิสิตนักศึกษาครูชั้นปีที่ 5 ในปีการศึกษา 2559) จำนวน 3,554 คน เมื่อวันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม 2560 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ภาพ : moe.go.th
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์
กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับการคัดเลือกทุกท่าน ซึ่งจะได้รับการแต่งตั้งเป็นครูผู้ช่วย จึงขอบรรยายให้เห็นภาพการปฏิรูปประเทศ และการปฏิรูปการศึกษาของรัฐบาลในปัจจุบัน 4 เรื่อง คือ 1) ข้อมูลพื้นฐานระบบการศึกษาของประเทศ 2) การดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 3) การน้อมนำแนวพระราชดำริและพระบรมราโชบายด้านการศึกษาใส่เกล้าฯ เป็นแนวทางปฏิบัติ 4) นโยบาย Thailand 4.0
1) ข้อมูลพื้นฐานระบบการศึกษาของประเทศ (Education in THAILAND)
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า หากพิจารณาจากข้อมูลสนับสนุนเชิงประจักษ์ (Evidence-based Policy) โดยอ้างอิงจากผลประเมินจากการทดสอบ PISA (Programme for International Student Assessment) จัดโดยองค์กรความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือที่เรียกว่า OECD (Organization for Economic Cooperation and Development)
ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นปรอทวัดอุณหภูมิการศึกษาที่สำคัญของโลก
ในวิชาที่เป็นหัวใจของการพัฒนา 3 วิชา คือ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน โดยทำการประเมินทุก ๆ 3 ปี เพื่อเปรียบเทียบผลการจัดการศึกษาสำหรับเด็กอายุ 15 ปี ในประเทศตนเองและกับประเทศอื่น ๆ
ปี พ.ศ.2543 (ค.ศ.2000) เป็นปีที่ประเทศไทยเริ่มมีการปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ของประเทศ และเป็นปีที่ไทยเข้าร่วม PISA ซึ่งผลคะแนนของการทดสอบ PISA ทุก ๆ 30 คะแนนที่ห่างจากค่าเฉลี่ย PISA
จะเท่ากับ 1 ปีการศึกษา นั่นก็คือผลสอบปีล่าสุด พบว่าเด็กไทยอายุ 15 ปีที่เข้ารับการทดสอบ PISA มีความรู้ใน 3 วิชาดังกล่าว ห่างจากประเทศที่พัฒนาแล้วโดยเฉลี่ยเกือบ 3 ปีการศึกษา หรือยังคงอยู่ห่างจากสิงคโปร์ 5 ชั้นปี นอกจากนี้ ข้อมูลการสอบ PISA ในช่วงเวลา 16 ปีที่ผ่านมาก็พบด้วยว่า เด็กที่ติดอันดับสูงสุดของไทย 10% ได้คะแนนเฉลี่ยเกือบ 550 คะแนน แต่เด็กที่อ่อนที่สุดได้คะแนนเฉลี่ย 350 คะแนน ซึ่งเท่ากับว่าเราห่างกันเอง 200 คะแนน มากกว่าเราห่างจากสิงคโปร์ สะท้อนให้เห็นว่าทิศทาง 16 ปีที่ผ่านมา วิธีการและการลงทุนในการปฏิรูปการศึกษาด้านต่าง ๆ ของไทยต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์กลุ่มโรงเรียนที่เข้ารับการทดสอบ PISA
ของไทย พบว่าโรงเรียนสังกัด กทม. ได้คะแนนต่ำที่สุด ถัดมาตามลำดับคือ อบต./อบจ.,โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา, โรงเรียนเอกชน, โรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วไป, โรงเรียนสาธิต จนถึงกลุ่มที่ได้คะแนนสูงที่สุดซึ่งเป็นกลุ่มโรงเรียนชั้นนำ เช่น เตรียมอุดมศึกษา สวนกุหลาบวิทยาลัย หรือกลุ่มโรงเรียนวิทยาศาสตร์ คือ จุฬาภรณราชวิทยาลัย และมหิดลวิทยานุสรณ์, ส่วนคะแนนการสอบของโรงเรียนขยายโอกาสฯ ทำให้เห็นว่าไม่ได้มีคุณภาพต่ำไปกว่าโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วไป แต่ที่ต้องให้ความสนใจที่จะต้องดูแล คือ โรงเรียนเอกชน เพราะรับผิดชอบดูแลเด็กนักเรียนกว่า 2 ล้านคน ถัดมาคือ กทม. ซึ่งมีคะแนนไม่ถึง 400
สิ่งเหล่านี้ เป็นความจำเป็นที่กระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อการศึกษาปฏิรูปการศึกษา ได้ให้ความสนใจวิเคราะห์เพื่อนำไปแก้ปัญหาใน 2 เรื่องหลัก คือ
"คุณภาพการศึกษา"
และ
"ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา"
เพื่อต้องการยกระดับเส้นล่างสุดของคะแนนสอบ PISA ให้ขึ้นมา ให้อุณหภูมิทางการศึกษาสูงขึ้น ในขณะที่โรงเรียนชั้นนำ เช่น มหิดลวิทยานุสรณ์ ซึ่งสูงติดอันดับต้นของโลก ก็ไม่น่าห่วงเรื่องเหล่านี้
ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนา และการจัดสรรทรัพยากรให้แก่โรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลและอยู่ในระดับล่างสุด แต่ในขณะเดียวผลการวิเคราะห์ยังพบว่า "จนแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีผลการเรียนตามความยากจน" ซึ่งตัวอย่างที่ดีคือประเทศเวียดนามที่ได้อันดับ PISA ติดอันดับต้นของโลก เพราะเด็กยากจนที่สุดของเวียดนามสามารถเอาชนะเด็กที่มีความพร้อมหรือเด็กรวยที่สุดของ OECD ที่อยู่ในกลุ่มประเทศยุโรปได้ ทำให้เห็นบทเรียนสำคัญของเวียดนามที่ทำให้ประสบความสำเร็จ คือ การส่งเสริมให้เด็กอยากที่จะเรียนหนังสือ (Mindset) เพราะสถิติพบว่าเด็กเวียดนามตื่นเต้นกับการเรียนหนังสืออยู่ตลอดเวลา โดยในจำนวนเด็ก 100 คนจะพบเด็กอยากเรียนหนังสือมากถึง 77 คน ส่วนเด็กไทยที่อยากเรียนหนังสือใน 100 คนจะพบเพียง 18 คน หากเราปล่อยไปแบบนี้ เวียดนามก็จะห่างจากเราไปเรื่อย ๆ
รัฐบาลจึงได้มีโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งเป็น 1 ในโครงการสำคัญ เพื่อคัดเลือกคนดี คนเก่ง เข้ามาเป็นครูในท้องถิ่นของตนเอง และเป็นระบบที่สอดคล้องกับแนวคิดของ Bill Gates ที่ว่า
"วิธีการเปลี่ยนระบบการศึกษาที่สำคัญที่สุด คือ หาครูที่เก่งที่สุด ไปสอนเด็กที่อ่อนที่สุด"
จึงขอให้ "ว่าที่ครูผู้ช่วย" ผู้เข้ารับการปฐมนิเทศครั้งนี้ทั้ง 3,554 คน จงภูมิใจในตัวเองที่จะเป็นผู้ปฏิรูประบบการศึกษาครั้งสำคัญของประเทศในอนาคต
ภาพ : moe.go.th
2) การดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี
กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) ภายใต้วิสัยทัศน์
“ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยมียุทธศาสตร์ด้านการศึกษาที่ดำเนินการ 6 ด้าน
คือ
ภาพ : moe.go.th
1) ความมั่นคง
ตัวอย่างคือ กิจกรรมในการจัดการศึกษาของสถานศึกษาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ กำกับดูแลและลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ หากในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ไม่สงบก็จะส่งผลถึงคุณภาพการศึกษา หรือการฟื้นฟูการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ชาติไทย ก็เป็นเรื่องของการจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง
2) การสร้างความสามารถในการแข่งขัน
โดยส่งเสริมให้มีคนไทยมีความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศได้ อาทิ การส่งเสริมด้านภาษาอังกฤษ หรือการอาชีวศึกษาแนวใหม่ที่มีความร่วมมือกับภาคเอกชน ซึ่งจะทำให้การอาชีวศึกษาของไทยมีความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศมากขึ้น ก็ถือเป็นตัวอย่างกิจกรรมโครงการของยุทธศาสตร์ด้านนี้
3) การลงทุนในทรัพยากรมนุษย์
โดยเฉพาะการลงทุนกับเด็กเล็กในระดับ Pre-school เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเป็นการลงทุนที่ได้ผลมากที่สุด รวมถึงการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ (Human Capital) อีกด้วย
4) การสร้างโอกาสความเสมอภาคและการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
อาทิ ผลการประเมินการทดสอบ PISA ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเป็นตัวอย่างของความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาระหว่างโรงเรียนที่มีความพร้อมกับโรงเรียนในชนบทที่ยังขาดการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ จึงต้องกลับไปพิจารณาว่าโรงเรียนเหล่านั้นยังขาดอะไรบ้าง เช่น ขาดครูกี่คน มีครูครบชั้นหรือไม่ ครูสอนไม่ตรงสาขา เป็นต้น เพื่อทำการสนับสนุนและแก้ปัญหาได้ตรงจุด
5) การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
มีหลากหลายโครงการที่สำคัญ อาทิ โครงการเศรษฐกิจพอเพียง นโยบายโรงเรียนคุณธรรม เป็นต้น
6) การปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
โดยกลไกสำคัญที่สุดคือ ปฏิรูประบบบริหารราชการ หรือการใช้มาตรา 44 ในการดำเนินการด้านต่าง ๆ ของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) เพื่อปรับปรุงระบบบริหารราชการให้ภูมิภาคมีความเข้มแข็งมากขึ้น
ภาพ : moe.go.th
3) น้อมนำแนวพระราชดำริ และพระบรมราโชบายด้านการศึกษา ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ใส่เกล้าฯ และมอบเป็นนโยบาย เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติแก่หน่วยงานในสังกัด
กระทรวงศึกษาธิการได้น้อมนำแนวพระราชดำริ และพระบรมราโชบายด้านการศึกษา ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในหลวงรัชกาลที่ 10 ใส่เกล้าฯ และมอบเป็นนโยบาย เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติแก่หน่วยงานในสังกัด
สำหรับการสืบสานพระราชปณิธานด้านการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9
พระองค์ได้ทรงมีแนวพระราชกระแสฯ ที่ได้ทรงพระราชทานในวโรกาสต่าง ๆ เกี่ยวกับนักเรียน ครู และการศึกษา อาทิ
ภาพ : moe.go.th
ภาพ : moe.go.th
ภาพ : moe.go.th
ภาพ : moe.go.th
ภาพ : moe.go.th
ประการสำคัญที่พระองค์ได้พระราชทานพระบรมราโชวาท คือ วันที่ 5 กรกฎาคม 2555 ซึ่งพระองค์ทรงมีพระราชกระแสฯ เกี่ยวกับปัญหาที่ครูมุ่งเขียนวิทยานิพนธ์เพื่อให้ได้ตำแหน่งและเงินเดือนสูงขึ้น ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้นำมาเป็นแนวทางในการปรับปรุงหลักเกณฑ์ใหม่ในการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ ที่ไม่เน้นให้ครูมุ่งเน้นไปที่การจัดทำเอกสารทางวิชาการ งานวิจัย หรือการเขียนวิทยานิพนธ์มาเสนอ แต่ระบบใหม่จะเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง เพื่อให้ครูที่สอนเก่ง สอนดี สอนมาก โดยพิจารณาทั้งปริมาณการสอนและคุณภาพการสอน โดยจะประกาศใช้หลักเกณฑ์ประเมินวิทยฐานะครั้งใหม่ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2560
สำหรับพระบรมราโชบายด้านการศึกษาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในหลวงรัชกาลที่ 10
มีใจความสำคัญว่า "การศึกษาต้องมุ่งสร้างพื้นฐานให้แก่ผู้เรียนใน 3 ด้าน คือ 1) ส่งเสริมให้นักเรียนมีทัศนคติที่ถูกต้อง 2) การศึกษาต้องมุ่งสร้างพื้นฐานชีวิตหรืออุปนิสัยที่มั่นคงเข้มแข็ง อาทิ การสร้างบุคลิกและอุปนิสัยที่ดีงาม (Character Education) 3) ให้นักเรียนมีอาชีพ มีงานทำ
ภาพ : moe.go.th
4) การดำเนินการตามนโยบาย Thailand 4.0
โลกได้มีการปฏิวัติอุตสาหกรรม (Industrial Revolution) มาแล้ว 4 ครั้ง นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมระบบกลไก (Mechanical) ครั้งที่ 2 เป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมไฟฟ้า (Electrical) ครั้งที่ 3 การปฏิวัติอุตสาหกรรมดิจิทัล (Digital) และครั้งที่ 4 ในเวลานี้ คือ การปฏิวัติอุตสาหกรรมแบบบูรณาการ (Integral) ซึ่งส่งผลให้ระบบสมอง ทั้งสมองมนุษย์ สมองเทียม สมองกล ประมวลผลจนมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ และมีการใช้สมองกลควบคุมเครื่องจักรกลโดยอัตโนมัติมากขึ้น เช่น โครงการ Smart City ในหลายนครชั้นนำของโลก
สำหรับนโยบาย Thailand 4.0 คือ โมเดลในการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล
แต่แตกต่างกันที่กลุ่มการลงทุนหลักของประเทศในขณะนั้น โดยเริ่มต้นที่ Thailand 1.0 ซึ่งรัฐบาลเน้นการลงทุนทางภาคเกษตรกรรม ส่วน Thailand 2.0 มุ่งเน้นอุตสาหกรรมเบา และมีการใช้แรงงานจำนวนมากแทน จนถึงยุคปัจจุบันคือ Thailand 3.0 ซึ่งเป็นยุคของอุตสาหกรรมหนักและการส่งออก มีการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น เน้นเรื่องชิ้นส่วนยานยนต์ แผงวงจรไฟฟ้าที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น มีการไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น แต่จนถึงปัจจุบันรัฐบาลเห็นว่าสร้างรายได้ประเทศอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น ไม่สามารถหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และความไม่สมดุลในการพัฒนา ทำให้รัฐบาลเร่งพัฒนาปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและพื้นฐานเพื่อให้ก้าวข้ามจาก Thailand 3.0 ไปสู่ Thailand 4.0 ให้ได้ใน 3-5 ปีนี้
Thailand 4.0 จึงเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม
โดยนำเอาความคิดสร้างสรรค์เป็นแรงผลักดัน และนำนวัตกรรมเข้ามาช่วย เปลี่ยนจากการผลิตสินค้าไปสู่การบริการมากขึ้นที่จะมีกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) เพิ่มเข้ามา
กระทรวงศึกษาธิการจึงมีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศ
ให้สังคมไทยเป็นสังคมที่สมดุล มีคุณภาพ มีการผลิตกำลังคนเพื่อสนองตอบความต้องการกำลังคน ทั้งสาขาวิชา First S-Curve และ New S-Curve รวมทั้งการน้อมนำศาสตร์พระราชาเข้าสู่การพัฒนา Thailand 4.0 มีโครงการโรงเรียนคุณธรรมเกิดขึ้น โดยครูรุ่นใหม่จะต้องสร้างระบบการศึกษาและเรียนรู้ที่เน้นให้เด็กคิดวิเคราะห์มากขึ้น เพื่อให้สังคมไทยมีความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ
กระทรวงศึกษาธิการ จึงเป็นหน่วยงานหนึ่งที่สำคัญต่อการ "สร้างคน" เพื่อขับเคลื่อน Thailand 4.0
เกี่ยวกับ "โครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น"
ดร.สุภัทร จำปาทอง
เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าวว่า โครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ปี พ.ศ.2560 ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 ที่ได้เห็นชอบโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ.2559-2572) ซึ่งแต่เดิมคือชื่อโครงการคุรุทายาท แต่เปลี่ยนชื่อเป็น "โครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกคนดี คนเก่ง เข้ามาเป็นครู เข้ารับการศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว บัณฑิตครูจะได้รับการบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการครู ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สำนักงาน กศน.) และกรุงเทพมหานคร (กทม.)
โดยในปี 2559 เป็นปีแรกที่เริ่มดำเนินการ และปีนี้เป็นปีที่ 2 ที่ได้ดำเนินการ โดยได้คัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ (กรณีคัดเลือกนิสิตนักศึกษาครูชั้นปีที่ 5 ในปีการศึกษา 2559) ที่มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตร (GPAX) ในภาพรวมทุกวิชา วิชาเอก และวิชาชีพครู ไม่ต่ำกว่า 3.00 และผ่านการสอบคัดเลือกใน 3 วิชา ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking) จำนวน 3,792 คน โดยมารายงานตัวจำนวนทั้งสิ้น 3,554 คน
การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ จึงเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้รับทราบแนวปฏิบัติต่าง ๆ ในระหว่างการเตรียมตัวและการเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะออกไปเป็นครูในพื้นที่ต่าง ๆ อันถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้บัณฑิตเมื่อจบแล้วกลับไปพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง.
แหล่งข้อมูล
ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี 341/2560 สืบค้นเมื่อ 3 กรกฎาคม 2560 จาก : http://www.moe.go.th/websm/2017/jul/341.html
เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
REPORT
Tags
ครูคืนถิ่น60
ผลิตครู
เตรียมความพร้อม
pisa
คุณภาพการศึกษา
Posted By
Plook Teacher
127
Followers
Follow
Report Content
×
เนื้อหา ไม่เหมาะสม
เนื้อหา มีคำไม่สุภาพ
เนื้อหา เข้าข่ายหลอกลวง
เนื้อหา หรือภาพประกอบมีความรุนแรง
เนื้อหา ไม่น่าเชื่อถือ
อื่น ๆ