คงต้องยอมรับว่าสภาพการแข่งขันในสังคมปัจจุบันทำให้มนุษย์เงินเดือน อย่างเราต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเองเพื่อแสวงหาโอกาสที่จะก้าวหน้าในอาชีพการงาน ทางเลือกหลักก็หนีไม่พ้นการเรียนต่อในระดับปริญญาโท อย่างไรก็ตามในครอบครัวคนชั้นกลางทั่วไป พ่อแม่จะส่งลูกเรียนในระดับสูงสุดคือปริญญาตรี หลังจากนั้นก็มักจะต้องทำงานเก็บเงินเรียนต่อด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าต้องใช้เงินไม่น้อย แต่ก็ไม่ยากเกินความพยายามอยู่แล้ว
เลือกหลักสูตรที่ชอบและมีความสนใจที่จะเรียน รวมถึงวิเคราะห์ว่าจะช่วยสร้างโอกาสและความก้าวหน้าให้กับชีวิตเราในการทำงานได้อย่างไรบ้าง
ลองเปรียบเทียบหลักสูตรต่างๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เรื่องค่าเล่าเรียน ค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้น จากนั้นหันมาพิจารณาถึงความพร้อม ฐานะการเงิน และภาระต่างๆ ของตัวเอง ถ้าต้องทำงาน ไปด้วย เรียนไปด้วย เพื่อส่งเงินให้กับที่บ้าน ก็ควรเลือกเรียนในประเทศดีกว่า
เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ทั้งในเรื่องโอกาสและจำนวนเงินที่จะต้องใช้ ถ้ามีความพร้อม ก็เริ่มวางแผนออมเงินได้ทันที โดยปักธงว่าจะเริ่มเรียนต่อเมื่อไหร่ หลังจากนั้นก็เลือกวิธีออมเงินว่า ต้องการเก็บเป็นก้อนให้ครบก่อนเริ่มเรียน ก็อาจจะใช้เวลานานหน่อย หรือออมเงินไปด้วยเรียนไปด้วย ก็จะช่วยร่นระยะเวลาให้เริ่มเรียนได้เร็วขึ้น ซึ่งวิธีนี้จะเหมาะกับมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้แน่นอน เพราะต้องอาศัยวินัยการออมสูงเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น
วิธีที่ 1 ออมเงินทั้งก้อนก่อนเริ่มเรียน ให้ได้ค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพทั้งหมด
เป้าหมาย : เรียนต่อ ป. โท ในอีก 5 ปีข้างหน้า ต้องใช้เงินรวม 500,000 บาท
แผนออมเงิน : ออมเงิน 8,400 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 60 เดือนก่อนเริ่มเรียน ป. โท
วิธีที่ 2 ออมเงินระหว่างทำงาน ได้ทั้งงาน ทั้งเรียน ป. โท ไปด้วย
เป้าหมาย : เรียนต่อ ป. โท หลักสูตร 2 ปี รวม 4 เทอมๆ ละ 125,000 บาท
แผนออมเงิน : ออมเงิน 21,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 6 เดือนก่อนจ่ายค่าเทอม
หมั่นคอยติดตามประกาศเรื่องทุนการศึกษาต่างๆ จากทางมหาวิทยาลัยและองค์กรที่เปิดให้สอบชิงทุน ซึ่งมีทั้งทุนให้เปล่าโดยไม่ต้องการอะไรตอบแทน และทุนที่ต้องกลับมาทำงานในองค์กรนั้นๆ ตามระยะเวลาที่กำหนด วิธีนี้นอกจากจะช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นจำนวนมากแล้ว ยังเป็นโอกาสให้เราได้เติบโตในหน้าที่การงานที่องค์กรแห่งใหม่อีกด้วย
ภาพปก : Pixabay