หากลูกอยู่ในวัยเตาะแตะ การพูดไม่ชัดของลูกอาจเป็นสิ่งที่น่ารักน่าเอ็นดู เพราะแสดงให้เห็นว่าลูกมีความพยายามที่จะพูดและสื่อสารกับครอบครัวมากขึ้น แต่หากปล่อยให้ลูกพูดไม่ชัดจนเข้าสู่วัยอนุบาลก็อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ เนื่องจากเพื่อนและครูที่โรงเรียนอาจฟังที่เด็กพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง จนเพื่อนเริ่มล้อเลียนโดยการพูดตาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อจิตใจของเด็กโดยตรง อาจทำให้เด็กอับอาย ขาดความมั่นใจในตัวเอง ขาดทักษะในการปฏิสัมพันธ์ และกลายเป็นเด็กเงียบขรึม ไม่กล้าพูดอะไรไปในที่สุด
เด็กในแต่ละวัยมีพัฒนาการและความแข็งแรงของอวัยวะที่ใช้ในการเปล่งเสียงแตกต่างกัน อาทิ เด็กวัย 1-4 ปี จะใช้ปาก ลิ้น และฟันไม่คล่องแคล่ว จึงออกเสียง ช ช้าง, ซ โซ่, ศ ศาลา, ษ ฤษี, ส เสือ และ ร เรือ ไม่ชัดเจนเท่าที่ใจต้องการ เด็กจึงเลี่ยงไปออกเสียงด้วยพยัญชนะอื่นที่ใกล้เคียงแทน อาทิ โรงเรียน เป็น โลงเลียน, หนังสือ เป็น หนังฉือ เป็นต้น หากเด็กได้รับการฝึกฝนเพียงพอ เมื่อเขาโตขึ้น การออกเสียงพยัญชนะ สระ และคำควบกล้ำต่าง ๆ ก็จะดีขึ้นตามลำดับ
บางครั้งที่ลูกพูดไม่ชัดอาจมาจากสาเหตุด้านการฟัง อาทิ ไม่ได้ยินที่คนอื่นพูด หรือได้ยินแต่ไม่ชัดเจน ก็ได้ เพราะเขาไม่ได้ยิน จึงเลียนแบบการออกเสียงไม่ได้ เพราะเขาได้ยินไม่ชัดเจน จึงออกเสียงไม่ถูกต้อง หากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกมีความผิดปกติเกี่ยวกับการได้ยินควรรีบพาไปพบกุมารแพทย์ เพื่อหาวิธีการแก้ไขที่ถูกต้องต่อไป
เด็กที่ติดขวดนม หรือดื่มนมจากขวดจนโต อาจเป็นสาเหตุหนึ่งให้ฟันน้ำนมลูกผุ และหลุดร่วงก่อนถึงวัยอันควร เมื่อร่างกายต้องทิ้งเวลารอฟันแท้ขึ้นเป็นเวลานาน พัฒนาการของอวัยวะที่ใช้ในการพูดจึงไม่สมบูรณ์ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการพูดและทักษะภาษาของเด็ก
การดุ ตำหนิ หรือลงโทษเด็กทุกครั้งที่พูดไม่ชัด นอกจากจะส่งผลให้เด็กรู้สึกเครียดและกดดันเพราะโดนจับผิดแล้ว ยังอาจทำให้เด็กไม่กล้า หรือไม่ยอมพูดอีกก็ได้ ฉะนั้น เมื่อคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าลูกพูดไม่ชัดหรือไม่ถูกต้อง ควรแนะนำอย่างใจเย็น พร้อมสอนการออกเสียงที่ถูกต้องให้กับเขา ท่ามกลางบรรยากาศที่ผ่อนคลาย
เด็กมักเรียนรู้จากบุคคลใกล้ชิดเป็นหลัก หากคุณพ่อคุณแม่และผู้เลี้ยงดูสื่อสารกันด้วยภาษาที่ถูกต้อง ชัดเจน และฉะฉาน เด็กก็จะเกิดการเรียนรู้และซึมซับวิธีการเหล่านี้ไป ส่งผลให้ทักษะทางภาษาและการพูดของเด็กดีขึ้น
การเลี้ยงลูกด้วยการให้ดูโทรทัศน์มากเกินไป จะส่งผลขัดขวางพัฒนาการทางการพูดของเด็ก เพราะเด็กจะเคยชินกับการได้รับเพียงอย่างเดียวจนไม่อยากปฏิสัมพันธ์กับใคร ทำให้กล้ามเนื้อที่ใช้ในการเปล่งเสียงไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ นอกจากนี้เด็กยังอาจจดจำภาษาและการพูดที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมจากรายการโทรทัศน์หรือการ์ตูนบางเรื่องมาใช้ได้
สำหรับเด็กที่มีปัญหาด้านการออกเสียง ทำให้พูดชัดถ้อยชัดคำไม่ได้ การล้อเลียนโดยการพูดตามเด็ก อาจส่งผลให้เขารู้สึกโกรธ อาย และขาดความมั่นใจในตัวเองจนไม่ยอมพูดอีกก็ได้ ในขณะเดียวกัน สำหรับเด็กเล็กวัยเตาะแตะ เมื่อเห็นผู้ใหญ่หัวเราะชอบใจเวลาตนพูดไม่ชัด เด็กจะเข้าใจว่าการพูดนั้น ๆ ถูกต้องและเป็นเรื่องที่ดี จึงปฏิเสธที่จะเรียนรู้การพูดที่ถูกต้อง
การหากิจกรรมยามว่าง นับเป็นอีกวิธีการหนึ่งในการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้เป็นอย่างดี เพราะเด็กจะรู้สึกสนุก และพร้อมเปิดใจเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ตัวอย่างกิจกรรมช่วยฝึกออกเสียง เช่น ทายบัตรคำ เลียนแบบเสียงร้องของสัตว์ การร้องเพลง เป็นต้น และเมื่อเด็กทำกิจกรรมนั้น ๆ ได้ดี คุณพ่อคุณแม่ควรกล่าวชมเชยหรือให้รางวัล เพื่อเป็นกำลังใจและเสริมความมั่นใจของลูกไปด้วย
นอกจากวิธีการที่กล่าวมา การพูดคุยกับลูกบ่อย ๆ หรือชักชวนให้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ รอบตัวยังช่วยกระตุ้นทักษะการพูดของเด็กให้ดีขึ้นได้อีกด้วย