วิทยาลัยชุมชน (วชช.) ได้ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องดังกล่าวจึงจัดอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพผู้บริหารและพัฒนาวิทยาลัยชุมชนคุณธรรมให้กับกรรมการสภาสถาบันผู้อำนวยการผู้บริหารและบุคลากรที่เกี่ยวข้องณโรงแรมทีเคพาเลซโฮเทลแอนด์คอนเวนชั่นกรุงเทพเมื่อวันที่ 13 – 14 มีนาคมที่ผ่านมาเพื่อเน้นคุณธรรมในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา การพัฒนาคน สร้างคนดีมีความรู้สู่สังคม รวมไปถึงเสริมสร้างธรรมภิบาลให้เกิดขึ้นในวชช.อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
ศาสตราจารย์เกียรติคุณนพ.เกษมวัฒนชัยองคมนตรี และประธานกรรมการมูลนิธิยุวสถิรคุณ กล่าวปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งในการจัดอบรมฯว่าวชช.ได้ใช้ศาสตร์ 3 ด้านเข้ามาประยุกต์กับการเรียนการสอนได้แก่ 1. ศาสตร์สากลหรือความรู้ทั่วไป 2. ศาสตร์ท้องถิ่นหรือความรู้ท้องถิ่นและ 3. ศาสตร์พระราชาหรือโครงการตามแนวพระราชดำริที่จะสามารถเชื่อมโยงการศึกษาไทยได้ทั้งระบบตลอดจนไปถึงการทำงานและการใช้ชีวิตจึงทำให้วชช.กลายเป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประชาชนมีศักยภาพในการพัฒนาชีวิตของคนในชุมชนให้เหมาะสมกับบริบทแวดล้อมของสังคมนั้น ๆ
แต่หากถ้าสอนให้คนมีเฉพาะความรู้ แต่ไม่ได้เติมเต็มด้านคุณธรรม คนก็อาจจะนำความรู้นั้นไปใช้ในทางทุจริต จึงมองว่าโครงการโรงเรียนคุณธรรม ที่ยึดหลักสำคัญ 3 ประการ คือ ให้ครูรักเด็กและเด็กรักครู ให้ครูสอนเด็กให้มีน้ำใจกับเพื่อน และให้ครูจัดกิจกรรมให้เด็กทำเป็นหมู่คณะเพื่อ เด็กจะได้เห็นถึงคุณค่าของความสามัคคีจะสามารถเปลี่ยนวัฒนธรรมของคนในองค์กรได้ทั้งระบบ และยังช่วยให้ความรู้อยู่คู่คุณธรรม
“วชช.ต้องช่วยสร้างคนดีให้กับบ้านเมืองเนื่องจากเป็นสถาบันที่เป็นของประชาชนบริหารจัดการโดยประชาชนและจัดการศึกษาตามความต้องการของประชาชนซึ่งครูผู้เป็นกำลังสำคัญต้องช่วยอบรมให้คนมีนิสัยแห่งคุณธรรมจริยธรรมมีวัฒนธรรมไทยที่ดีรู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่และเป็นคนดีของสังคมเพราะคุณธรรมเปรียบเสมือนรากแก้วของต้นไม้ส่วนความรู้ก็เหมือนดอกผลที่ออกมาจากต้นไม้แม้จะเป็นเรื่องที่ยากและใช้เวลาแต่ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องช่วยกัน นอกจากนี้ วชช.เองก็จะต้องเป็นสถาบันการศึกษาที่มีธรรมภิบาล โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ มีความรับผิดชอบต่อเป้าประสงค์ที่จะให้ความรู้ ฝึกทักษะอาชีพ และสร้างพลเมืองที่ดีให้กับประเทศชาติ” ศาสตราจารย์เกียรติคุณนพ.เกษม กล่าว
ด้าน ดร.สิริกรมณีรินทร์ นายกสภาสถาบันวิทยาลัยชุมชน กล่าวว่าขณะนี้ วชช.ได้นำแนวทางโครงการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมมาปรับใช้กับ วชช.ทั่วประเทศ เพื่อให้ธรรมาภิบาลเกิดขึ้นในองค์กรอย่างแท้จริง โดยนำยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ข้อมาใช้ ได้แก่ 1. ประชุมชี้แจงผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบ เพื่อเปลี่ยนทัศนคติของคนในชุมชนให้รู้สึกว่าทุกคนทุกอาชีพมีการศึกษาสูงได้ 2. ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมในองค์กร 3. ระดมความคิดเพื่อกำหนดเป้าหมายคุณธรรมที่ต้องการให้เกิดขึ้นในองค์กร 4. แปลงเป้าหมายคุณธรรมให้กลายเป็นรูปธรรมที่ทุกฝ่ายสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง 5. ประเมินผลการดำเนินงานทุกหกเดือน และ 6. ประเมินคุณธรรมเป้าหมายเมื่อครบหนึ่งปี
“วชช.ได้เน้นย้ำให้บุคลากรทุกฝ่ายเดินไปบนเส้นทางแห่งธรรมาภิบาล เข้าใจบทบาทและปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเองอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะผู้นำองค์กรที่จะต้องมีคุณธรรมทั้ง 4 คือ สุทธิ ปัญญา เมตตา และขันติ คือ ความบริสุทธิ์กายและบริสุทธิ์ใจในการทำงานเพื่อบ้านเมือง ด้วยความรู้จริง โดยมีมนุษยธรรมและความอดทน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เพราะหากเมื่อคนในสังคมมีความรู้คู่กับการมีคุณธรรมและจริยธรรมแล้ว สิ่งอื่น ๆ ที่ดีขึ้นก็จะตามมา โดยเฉพาะความเข้มแข็งและเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติ”ดร.สิริกร กล่าว