30 มีนาคม พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987)
ภาพดอกทานตะวันของ "วินเซนต์ แวนโก๊ะ" ถูกประมูลด้วยราคาที่แพงที่สุดในโลกในขณะนั้น

ภาพ "15 Sunflowers in a Vase" หรือดอกทานตะวัน 15 ดอกในแจกัน ของ "วินเซนต์ แวนโก๊ะ" (Vincent van Gogh) ศิลปินสายอิมเพรสชันนิสต์ ถูกประมูลขายไปในราคา 39.9 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,350 ล้านบาทตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน ที่สำนักงานประมูลคริสตีส์ (Christie’s) โดยผู้ประมูลจากญี่ปุ่น ซึ่งในขณะนั้นถือว่าเป็นภาพที่มีราคาแพงที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีมา แต่ในปัจจุบันปี 2017 ภาพนี้ได้มีมูลค่าสูงถึง 76.7 ล้านดอลล่าร์สหรัฐแล้ว
 

ปัจจุบันภาพนี้จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะซัมโป เจแปน ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 42 อาคารซัมโป เจแปน สำนักงานใหญ่ของบริษัทซัมโป เจแปน ประกันภัย ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

 

 

 

 

ภาพ "15 Sunflowers in a Vase" ที่ถูกประมูลด้วยราคาแพงที่สุดในขณะนั้น
 

"วินเซนต์ แวนโก๊ะ" ศิลปินผู้ถูกลืม

"วินเซนต์ แวนโก๊ะ" (Vincent Willem van Gogh) เกิดในครอบครัวฐานะปานกลางที่เมืองซึนเดิร์ธ ประเทศเนเธอร์แลนด์เมื่อปี 1853 ก่อนที่จะกลายมาเป็นศิลปินชื่อดัง เขาเคยทำงานในห้องภาพและเคยเป็นนักเทศน์มาก่อน แต่เนื่องจากเป็นคนพูดไม่เก่งและอารมณ์แปรปรวนง่าย จึงประกอบอาชีพไม่ราบรื่นนัก ภายหลังแวนโก๊ะจึงได้หันมาวาดรูปขายแทน

แวนโก๊ะเป็นศิลปินสายอิมเพรสชันนิสต์ (IMPRESSIONISM) ผู้มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อศิลปะสมัยใหม่ในยุคต่อมา (Modern Art)  ด้วยสไตล์การวาดภาพที่ไม่เน้นความสมจริง มักใช้สีสันฉูดฉาด ทั้งยังมีรอยแปรงหยาบ ๆ ไปทั่วทั้งภาพ แต่ผลงานของเขากลับถ่ายทอดอารมณ์และเน้นความรู้สึกอันรุนแรงได้เป็นอย่างดี

ชีวิตการเป็นศิลปินของเเวนโก๊ะไม่เคยประสบความสำเร็จ กล่าวกันว่าตลอดชีวิตของแวนโก๊ะนั้น เขาขายงานออกเพียงชิ้นเดียวคือภาพ "The Red Vineyard" ในราคาประมาณ 350 ฟรังก์ (ปัจจุบันภาพนี้อยู่ที่พิพิธภัณฑ์มุชชิน เมืองมอสโกว ประเทศรัสเซีย)

แม้จะตกระกำลำบากแต่แวนโก๊ะได้รับการสนับสนุนจาก "เตโอโดรัส แวนโก๊ะ" หรือ ‘เตโอ’  น้องชายของเขาซึ่งประกอบอาชีพนักค้างานศิลปะมาโดยตลอด กระทั่งเขาได้สร้างผลงานศิลปะมากกว่า 2,100 ชิ้น ในจำนวนนี้เป็นภาพวาดสีน้ำมัน 860 ชิ้น ส่วนที่เหลือเป็นภาพสีน้ำ ภาพสเก็ตช์ และภาพพิมพ์ โดยเกือบทั้งหมดถูกวาดขึ้นในช่วง 2 ปีสุดท้ายในช่วงชีวิตของเขา และในวัย 37 ปี ด้วยความเครียดและอาการทางจิตของแวนโก๊ะ เขาจึงตัดสินใจจบชีวิตตัวเองด้วยปืนในบ้านพักที่เมืองโอแวร์ซูวร์รวซ ประเทศฝรั่งเศส ในปี 1890 

ผลงานชุดภาพเขียนดอกทานตะวัน

ทานตะวัน (Sunflowers) คือชื่อของชุดภาพสีน้ำมัน 2 ชุดที่แวนโก๊ะวาดขึ้น จนทำให้้ดอกทานตะวันกลายเป็นผลงานลายเซ็นของแวนโก๊ะไปในที่สุด

ภาพทานตะวันชุดแรก

ถูกวาดในปี 1886-1888 ที่กรุงปารีส  ประเทศฝรั่งเศส เป็นภาพดอกทานตะวันที่อยู่รวมกับดอกไม้อืื่นในกระถาง และดอกทานตะวันที่วางบนพื้น

•ภาพดอกทานตะวันแรกของเขา ชื่อว่า "Roses and Sunflowers" ซึ่งวาดในปี 1886 เป็นภาพดอกทานตะวันที่อยู่รวมกับดอกไม้อืื่นในกระถาง

•ต่อมาในปี 1887 เขาจึงเริ่มเน้นการวาดรูปดอกทานตะวันที่ไม่อยู่รวมกับดอกไม้อื่น ในลักษณะดอกทานตะวันที่ตัดช่อแล้ว และวางอยู่บนพื้น ภาพชุดนี้เขาได้วาดไว้ 4 ภาพ

โดยภาพแรกเป็นภาพต้นแบบเล็กๆที่มีรายละเอียดพร้อมนำไปรวมเป็นภาพที่ใหญ่กว่าเดิม ส่วนอีก 2 ภาพถัดมา เป็นภาพที่แวนโก๊ะวาดขึ้นเพื่อพิจารณาเลือกว่าควรจะใช้ภาพใด แต่ในที่สุดเขาก็เลือกวาดทั้ง 4 ดอกรวมกัน  เกิดเป็นภาพสุดท้ายที่มีดอกทานตะวัน 4 ดอก และตั้งชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า "Tournesols"

สำหรับการวาดภาพที่คล้ายกันหลายภาพของศิลปินคนเดิม โดยมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ต่างไปจากความตั้งใจเดิม หรือ เปลี่ยนไปจากภาพต้นฉบับนั้น ถือเป็นการเปลี่ยนตามความคิดและความรู้สึกในขณะที่กำลังวาดภาพแต่ละครั้ง 

______________________________________________________________

ภาพทานตะวันชุดที่สอง

ถูกวาดในปี 1888-1889 ที่เมืองอาร์ล ประเทศฝรั่งเศส เป็นดอกทานตะวันที่มีทั้งดอกตูม บาน และเหี่ยวเฉาเสียบรวมกันในแจกัน ภาพชุดนี้มีทั้งสิ้น 7 ภาพ โดยในจำนวน 4 ภาพนั้นเป็นภาพต้นฉบับที่วาดในปี 1888  ส่วนอีก 3 ภาพเป็นภาพที่แวนโก๊ะวาดเลียนผลงานชุดแรกในปีต่อมา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือภาพที่มีมูลค่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์นั่นเอง

ภาพทานตะวันชุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดภาพ ‘ของตกแต่งของบ้านสีเหลือง’ (Décoration for the Yellow House) โดยบ้านสีเหลืองที่ว่านี้คือบ้านที่แวนโก๊ะ เช่าอาศัยในเมือง อาร์ลซึ่งทาสีเหลืองทั่วทั้งหลัง โดยแวนโก๊ะได้ลงมือวาดภาพดอกทานตะวันกับแจกัน จำนวน 4 ภาพ ในชื่อชุดว่า "Initial Versions" เพื่อใช้ในการตกแต่งห้องพักของ "โกแกง" (Paul Gauguin) เพื่อนซี้ศิลปินสายอิมเพรสชันนิสต์เหมือนกันเขา

•ภาพลำดับที่ 1 เป็นภาพทานตะวันภาพแรกของชุดนี้ มีขนาดเล็กกว่าภาพอื่น ๆ ปัจจุบันถูกเก็บเป็นของสะสมส่วนบุคคล

•ภาพลำดับที่ 2 "ทานตะวันแห่งอาชิยะ” ครั้งหนึ่งถูกซื้อโดยโคยาตะ ยามาโมโตะ มหาเศรษฐีแห่งเขตอาชิยะ จังหวัดเฮียวโกะ ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 1920 โดยหวังว่าจะอุทิศแก่   พิพิธภัณฑ์โอตสึกะ แต่ต่อมาก็เสียหายและสูญหายไปพร้อมกับผลงานศิลปะอันทรงคุณค่าอีกมากมายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

(ตั้งแต่ปี 2014 พิพิธภัณฑ์โอตสึกะได้พยายามสร้างผลงานชิ้นนี้ขึ้นมาใหม่ให้เหมือนต้นฉบับที่สุด ตั้งแต่พื้นผิวผ้าใบ ไม้ขึงกระดาษ เม็ดสี ความแวววาว โดยเทียบกับภาพในหนังสือภาพของพิพิธภัณฑ์มุซาโคจิ ซาเนะอัตสึเป็นต้นแบบ แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จเสียทีเดียว)

•ภาพลำดับที่ 3  ปัจจุบันถูกจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Neue Pinakothek เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี 

•ภาพลำดับที่ 4 ปัจจุบันถูกจัดแสดงที่ National Gallery กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

•ภาพลำดับที่ 5 เป็นภาพเลียนของลำดับที่ 4 ปัจจุบันจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะซัมโป เจแปน ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ภาพนี้เป็นภาพโด่งดังที่สุดเนื่องจากในปี 1987 ผู้ประมูลจากญี่ปุ่น ได้ประมูลไปในราคาถึง 39.9 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,350 ล้านบาทตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน (ปัจจุบันปี 2017 มีมูลค่าสูงถึง 76.7 ล้านดอลล่าร์สหรัฐแล้ว)

•ภาพลำดับที่ 6 เป็นภาพเลียนของลำดับ 4 ปัจจุบันเป็นทรัพย์สินของมูลนิธิแวนโก๊ะ ซึ่งให้ยืมโดยถาวรแก่พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์

•ภาพลำดับที่ 7 เป็นภาพวาดเลียนของลำดับที่ 3 ปัจจุบันจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา

เหตุผลที่ในระยะหลัง "แวนโก๊ะ" เน้นการวาดภาพดอกทานตะวันนั้น ได้เผยไว้ในจดหมายถึงน้องชายว่า
เขาตั้งใจให้ดอกทานตะวันกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวเขานั่นเอง