5,284 Views
Favorite
แต่...เขายังเล่นด้วยกันไม่เป็นต่างหาก ประกอบกับอยู่ในวัยที่ยังไม่เข้าใจเหตุและผลมากนัก และเพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลาย เรามีเทคนิคแก้ปัญหานี้มาฝากค่ะ
ใช้คำสั้น ๆ ง่าย ๆ ให้ลูก ๆ ได้มีส่วนร่วมช่วยกันคิดข้อตกลงจำนวนไม่มากเกิน 3 ข้อ ที่สำคัญคือเน้นใช้คำในเชิงบวก ประหนึ่งคิดสโลแกนรณรงค์อะไรสักอย่าง เช่น เล่นกัน ไม่ทำร้ายกัน เล่นกันด้วยความสงบ เป็นต้น ส่วนคำว่า “ทะเลาะ” นั้นเลิกใช้ไปเลย เพราะยิ่งเจาะจงถึงพฤติกรรมในเชิงลบมากกว่า
พื้นที่สำหรับเล่นหรือทำกิจกรรมของเด็ก ๆ ไม่จำเป็นต้องใหญ่โตอลังการ แค่เล็ก ๆ ก็พอ แต่ต้องมีหลาย ๆ จุดในบ้าน สร้างพื้นที่เล่นส่วนตัวตรงนี้ของพี่ ตรงนี้ของน้อง และพื้นที่ที่เล่นร่วมกันได้ การมีที่เล่นหลาย ๆ จุดจะช่วยลดการปะทะกันได้มาก
เด็ก ๆ นั้นมีพลังในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตอย่างล้นเหลือ จนผู้ใหญ่อย่างเรางงว่าไปเอาพลังมาจากไหนมากมายขนาดนี้ เด็กเล็กหากเราไม่ปล่อยให้เขาใช้พลังที่มีในตัว เขาก็จะหงุดหงิดงอแง ห้ามมาก ๆ ก็จะสะสมจนระเบิดเลยทีเดียว ดังนั้นจูงมือพาเขาไปเล่นในสนามเด็กเล่นใหญ่ ๆ สวนสาธารณะใหญ่ ๆ ให้เขาได้เล่นอย่างเต็มที่ จะปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ วิ่งเล่น ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละบ้าน ถ้าทำได้ทุกวันก็ดี แต่บ้านไหนไม่มีเวลา สัปดาห์ละครั้งก็ยังดี ที่สำคัญคือหากิจกรรมที่ส่งเสริมให้พี่กับน้องเล่นด้วยกัน เช่น ก่อปราสาททราย สร้างบ้านจากของใกล้ตัว เป็นต้น อะไรก็ได้ที่เขาต้องร่วมมือกันทำ
เวลาเด็ก ๆ ทะเลาะกัน มักจะมีคนเริ่มจุดชนวน คุณพ่อคุณแม่ลองสังเกตพฤติกรรมของลูกน้อยห่าง ๆ แล้วก็จะพบคำตอบ เมื่อรู้ว่าคนไหนให้จับเข่าคุยกันเงียบ ๆ สองคน ค่อย ๆ ถามว่าทำไมลูกถึงไม่พอใจ อีกฝ่ายชอบทำอะไรลูกถึงไม่ชอบ ค่อย ๆ ถาม ค่อย ๆ สอนกันไปก็จะช่วยปรับทัศนคติของลูกคนนั้นได้ แต่ทุกกระบวนการไม่ควรใช้คำดุด่า ไม่ใช้อารมณ์ แต่ให้พูดคุยกันด้วยเหตุผล เพราะหากคุณใช้อารมณ์ นอกจากจะไม่รู้สาเหตุแล้ว ยังทำให้ปัญหาบานปลายด้วย
