ธรรมศาสตร์ประกาศลด นักศึกษาเหลือ 35,000 คนภายใน 3 ปี

ธรรมศาสตร์ประกาศลดนักศึกษาเหลือ 35,000 คนภายใน 3 ปี "สมคิด" เผยต้องการลดภาระการสอนอาจารย์ พร้อมมุ่งขับเคลื่อนงานวิจัยสู่สากล ตั้งบริษัทต่อยอดงานวิจัยและนวัตกรรม และปลูกฝังจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ เรียนพร้อมเซอร์วิสสังคม

ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดี มธ. กล่าวถึงยุทธศาสตร์บริหารมหาวิทยาลัยว่า ตนได้ประกาศว่าจะไม่ให้มีการเพิ่มการรับนักศึกษา เพราะเห็นว่าขณะนี้อาจารย์ของ มธ.มีภาระงานมากเกินไป จากเดิมที่สอน 4 วิชาต่อปี กลายเป็น 6 วิชาต่อปี ซึ่งเรื่องนี้ทางคณะเศรษฐศาสตร์เองก็เคยมาพูดคุยกับตนว่าต้องการที่จะขอลดจำนวนนักศึกษา ซึ่งตนไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ อีกทั้งคิดว่า มธ.ควรที่จะลดจำนวนนักศึกษาให้เหลือ 35,000 คน จาก 40,000 คน ซึ่งวางระยะเวลาไว้ว่าจะต้องทำให้ได้ภายใน 3 ปี

อธิการบดี มธ.กล่าวอีกว่า ส่วนยุทธศาสตร์ระยะยาว ในแง่การบริหารงานในระยะแรกขับเคลื่อนใน 3 ด้านหลัก คือ 1.ด้านงานวิจัย ต้องสร้างองค์ความรู้ใหม่ และเน้นงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้ควบคู่ไปกับด้านสังคมศาสตร์ ซึ่งมีมาตรการเพื่อสร้างงานวิจัยหลายอย่าง เช่น สนับสนุนทุนทรัพย์ บังคับอาจารย์ว่าต้องทำงานวิจัยปีละ 1 ชิ้น โดยแนวทางการงานวิจัยของ มธ.จะสร้างในสิ่งที่สามารถนำไปใช้จริง และสามารถสร้างรายได้ เช่น งานวิจัยเรื่องการสร้างคอนกรีตแบบโปร่งใส เป็นต้น หรือเน้นสร้างเทคโนโลยีตอบโจทย์ด้านการเกษตร สิ่งแวดล้อม พลังงาน สังคมผู้สูงอายุ และคนพิการ หรือตอบสนองความต้องการของสังคม นอกจากนี้ มธ.ยังมีแนวคิดที่จะลงทุนตั้งบริษัท ที่จะนำนวัตกรรมงานวิจัยของมหาวิทยาลัยที่มีอยู่จำนวนมากมาทำให้เกิดผลิตผลและสร้างรายได้ให้แก่ มธ.และประเทศ เพื่อผลักดันประเทศก้าวไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ด้วย

นายสมคิดกล่าวต่อว่า 2.ด้านการพัฒนาไปสู่ความเป็นสากล ที่ขณะนี้ มธ.ได้เปิดหลักสูตรนานาชาติไปแล้วทั้งหมด 24 คณะ จาก 26 คณะ ที่ผ่านมามีการกำหนดให้นักศึกษาเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น เช่น หลักสูตรพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จะต้องเรียนวิชาภาษาอังกฤษ 3-4 วิชา เป็นต้น ในอนาคต มธ.ตั้งเป้าที่จะทำให้นักศึกษาต้องรู้ 3 ภาษาเป็นอย่างน้อย โดยบังคับเรียนภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และอีกภาษาจะให้นักศึกษาเป็นคนเลือกเอง 3.ปลูกผังจิตวิญญาณนักศึกษา มธ.ที่ต้องกล้าหาญ จริงใจ รู้จักต่อสู้เรียกร้องในสิ่งที่ดีและถูกต้อง ซึ่ง มธ.เปิดกว้างให้แสดงความคิดเห็นอย่างเสรีและเท่าเทียมในทุกกลุ่ม ให้ มธ.เป็นแหล่งวิชาการอย่างแท้จริง และอีกสิ่งหนึ่งที่ยืนยันเรื่องจิตวิญญาณที่ดีของนักศึกษาคือ เสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการที่จะมีการสำรวจความพึงพอใจ แต่ก็มีสิ่งที่ต้องปรับปรุงคือเรื่องความอดทนในการทำงาน

ส่วนการบริหารงานในระยะที่ 2 จะมุ่งเน้นและส่งเสริมเรื่องการจัดการเรียนการสอนแบบแอคทีฟ เลิร์นนิง ที่จะต้องให้นักศึกษาพึ่งพา ค้นคว้าด้วยตัวเองมากขึ้น อาจารย์จะทำหน้าที่เป็นผู้ให้คำแนะนำ เช่น การเรียนจากกรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง ให้นักศึกษาสามารถวิเคราะห์ โต้แย้ง วิพากษ์ผิดถูกได้ โดยมีอาจารย์เป็นผู้ให้คำแนะนำ เป็นต้น และยังต้องส่งเสริมการเรียนการสอนแบบเซอร์วิส เลิร์นนิง คือให้นักศึกษาที่กำลังจะจบการศึกษาได้มีโอกาสไปเรียนรู้จากประสบการณ์จริง เรียนรู้ในสิ่งที่ต้องทำจริง ไม่ใช่เพียงเรียนรู้จากทฤษฎี.