Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

โอกาสเยาวชนไทย

Posted By pao'o | 20 ม.ค. 60
3,325 Views

  Favorite

“ผมจะไปบาร์ซ่า” คำประกาศกร้าวของเด็กหนุ่มวัย 7 ขวบ  “น้องพี” เด็กชายสุวิน ผู้โด่งดังในชั่วข้ามคืนจากการไปออกรายการทีวี โชว์ความสามารถด้วยการเตะฟุตบอลชนคาน ซึ่งสร้างปรากฏการวันเดียวคนเข้ารับชมคลิปในโลกโซเซียลถึง 4 ล้านครั้ง กลายเป็นเรื่อง ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ เปลี่ยนชีวิตในชั่วพริบตาเดียว

เพียงแค่วันเดียวจากการออกโทรทัศน์ มีสื่อเป็นสิบๆ เจ้าติดต่อเข้ามาถึงเจ้าหนูยอดนักเตะคนนี้ รวมไปถึงนักฟุตบอลทีมชาติไทยอย่าง “อุ้ม” ธีรทร บุญมาทัน บุกไปหาถึงที่พร้อมมอบรองเท้าสตั๊ดคู่ที่พึ่งใส่วันที่ได้รับแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ สมัยล่าสุดให้เป็นของขวัญ หรือกระทั่ง “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ยังอดใจไม่ไหวแชร์คลิปการเตะชนคานของเด็กน้อยรายนี้ด้วย

หรือแม้กระทั่งสโมสรในไทยลีก หลายสโมสรได้ติดต่อไปยังเจ้าหนูอัจฉริยะฟุตบอลรายนี้เป็นจำนวนมาก เพื่อหวังดูดแข้งวัย 7 ขวบผู้นี้เข้าสโมสรตั้งแต่ยังเล็ก

เมื่อขุดคุ้ยประวัติของ “น้องพี” ยิ่งทำให้เกิดความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพราะเจ้าตัวไม่ใช่เด็กสัญชาติไทย เป็นคนเชื้อสายมอญ และไร้นามสกุล ทำให้เกิดความน่าเห็นใจมากยิ่งขึ้นไปอีก

 

 

ภาพ : sport.truelife.com/

 

ปรากฏการ  “น้องพี” ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกับวงการฟุตบอลในบ้านเรา ทำให้ผู้ใหญ่ในแวดวงหันมาสนใจฟุตบอลเยาวชนกันมากยิ่งขึ้น เด็กๆเหล่านี้ถือเป็นรากฐานสำคัญที่จะพัฒนาในทุกๆระดับ เป็นการวางรากฐานก่อนที่จะพัฒนาในภายภาคหน้า เพราะเด็กในวัยแบบนี้จะสนใจและมีความมุ่งมั่นเป็นพิเศษ  ถ้าเยาวชนไม่ได้รับความสนใจ โอกาสที่จะพัฒนาฝีเท้าก็จะน้อยลงตามไป ก็เป็นเรื่องที่ยากที่ฟุตบอลในระดับผู้ใหญ่จะประสบความสำเร็จ

น้องพีถือเป็นอัจฉริยะฟุตบอลคนหนึ่ง ถ้าเทียบในรุ่นหรือในวัยใกล้เคียง แต่เราจะทราบได้อย่างไรในประเทศไทยอาจมีนักเตะพันธุ์จิ๋วแบบนี้ไปแอบอยู่ตรงไหนอีกก็เป็นได้  อาจมีเป็นหลักสิบ หลักร้อย หรืออาจถึงขั้นเกินหลักหมื่นคนก็เป็นได้  ที่อาจเก่งในคนละด้านกับ “น้องพี” ทักษะในด้านอื่นไม่ว่าเป็นการความคล้องตัว ความเร็ว ความสามารถเฉพาะตัวด้านต่างๆ  อาจเป็นเพราะน้องพีได้รับโอกาสในการออกรายการโทรทัศน์ ทำให้เกิดกระแสตรงใจกับท่านผู้ชมทางบ้าน

ในเมืองไทยเรามี อะคาเดมี่ฟุตบอลหลายร้อย หลายพันที่ซึ่งในแต่ละที่นั้นมีเยาวชนไล่ตั้งแต่หลักกว่าสิบ ถึงหลักร้อยราย ถ้าค้นหากันจริงๆ คงจะเจอเด็กความสามารถสูงอย่างน้องพีอีกเป็นสิบๆราย เพราะฉะนั้น “โอกาส”  สำหรับเด็กๆเหล่านี้ถึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

นอกจากการโอกาสแล้ว การปลูกฝังก็เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนรุ่นจิ๋วนี้ ในปัจจุบันมีสื่อในหลายรูปแบบ สิ่งเย้ายวนที่หลากหลาย ที่เด็กน้อยเหล่าต้องก้าวผ่านไปให้ได้ ในช่วงเวลาอย่างน้อย 8-9 ปีต่อจากนี้ในเส้นทางสายฟุตบอล “วินัย” คือสิ่งสำคัญที่พวกเขาต้องท่องและจำให้ขึ้นใจ สิ่งที่ดีในวงการฟุตบอลเราคือมี “ไอดอล” พี่ๆนักฟุตบอลทีมชาติไทยเป็นแบบอย่างให้น้องๆ ประพฤติตัวให้อยู่ในเส้นทางนักฟุตบอลต่อไป คอยเป็นแรงผลักดันให้น้องๆ เจริญรอยตาม

การไปค้าแข้งต่างแดนคงเป็นความฝันของนักเตะรุ่นใหม่ รวมไปถึงเยาวชนรุ่นเล็กที่อยากล่าฝันในตรงนั้นให้สำเร็จ ก้าวตามรอยเท้าของรุ่นพี่ ล่าสุดที่เราๆได้เห็นเป็นข่าวใหญ่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กับดีลครั้งประวัติศาสตร์ของ “เจ”  ชนาธิป สรงกระสินธุ์ในการออกไปล่าตามฝันที่แดนอาทิตย์อุทัยกับสโมสรชั้นนำในเจ ลีกอย่าง “คอนซาโดเล่ ซัปโปโร” หรือล่าสุด  “สิทธิโชค ภาโส”  เด็กในอะคาเดมี่สโมสรชลบุรี เอฟซีได้โกอินเตอร์อีกหนึ่งคน โดยได้ไปร่วมทีม “คาโงชิมา ยูไนเต็ด” สโมสรในเจ 3 ของญี่ปุ่น ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น

หรือถ้าย้อนกลับประมาณ 3 ปีก่อน “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ได้ก้าวไกลไปถึงสเปนกับสโมสรบนลีกสูงสุดอย่าง อัลเมเรีย ถือว่าเป็นความสำเร็จอีกหนึ่งขั้นของวงการฟุตบอลไทย

 

 

ภาพ : http://sport.mthai.com/

 

ตัวอย่างที่กล่าวข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เติบโตขึ้นจากอคาเดมี่ฟุตบอลของไทย และก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้อย่างเต็มตัว ด้วยความมีวินัย และมุมานะของตนเอง

วงการฟุตบอลไทยถือว่าสูญเสียอัจฉริยะฟุตบอลมามากมาย เมื่อเริ่มมีชื่อเสีย ความดัง เงินทองเข้ามามาก หลงระเริงกับแสงสี ไม่ยอมซ้อมและ เคารพวินัยในตัวเอง ลืมตัวเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเองไป เปรียบเสมือนพลุที่พุ่งขึ้นสวยงามบนฟ้า แต่ก็ส่องสว่างสวยงามเพียงแปปเดียวก็หายไป

หลายๆ คนพฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่าไม่เชื่อเมื่อมีชื่อเสียงมากขึ้น ทั้งหยิ่ง จองหอง ทำให้บอกลาวงการนี้มากมากมาย อย่าลืมนะครับโลกทุกวันนี้มีสื่อโซเซียลเป็นสื่อกลาง หมุนเร็วยิ่งกว่าวินาทีเสียอีก

“น้องพี” ถือว่าเป็นการจุดประเด็นทำให้ผู้ใหญ่ในวงการหันมามองเยาวชนเหล่านี้มากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่ถ้าให้ดีกว่านี้คือควรประคับประคองเด็กๆ เยาวชนเหล่านี้ ให้ผ่านพ้นสังคมที่เต็มไปด้วยสิ่งเย้ายวนเหล่านี้ และค่อยๆพัฒนาฝีเท้า ก้าวขึ้นมาเป็นดาราลูกหนังแถวหน้าของเมืองไทย

 

และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้วินัย คือ โอกาสครับ โอกาสที่จะได้แสดงฝีมือ โอกาสที่ได้ผู้ใหญ่มอบให้ เด็กๆเหล่านี้พร้อมที่จะแสดงให้ศักยภาพให้ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ได้อ้าปากกันอีกเยอะ ไม่แน่อีกสัก 5 10 หรือ 15 ปีอาจเห็นธงไตรรงค์สะบัดอยู่เหลือสนามฟุตบอลในทัวร์นาเมตน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง “ฟุตบอลโลก” ก็เป็นได้

 

 

เรียบเรียงโดย : พงศกร พงศ์ธนาพาณิช

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • pao'o
  • 0 Followers
  • Follow