การหวีผมก่อนสระจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดของหนังศีรษะให้ไปเลี้ยงเส้นผมได้ดีขึ้น ทั้งยังเป็นการช่วยไม่ให้ผมพันกันระหว่างสระผม และเพิ่มประสิทธิภาพในการชะล้างสิ่งสกปรกของแชมพูได้ด้วยนะคะ
เหตุที่ต้องทำอย่างนี้เพราะน้ำสะอาด ถือเป็นตัวช่วยชะล้างสิ่งสกปรกและน้ำมันได้ดีที่สุดค่ะ ถ้าเราใช้มือค่อยๆ สางผมในน้ำสะอาด สิ่งสกปรก และนำมันที่หนังศีรษะกับเส้นผมก็จะค่อยๆ ลดน้อยลง จากนั้นจึงลงแชมพู เท่านี้เราก็จะได้ผมที่สะอาดหอมสดชื่นแล้วค่ะ
อะไรที่กลางๆ ย่อมเหมาะสมมากกว่าอย่างอื่น ถูกต้องไหมคะ การสระผมก็เช่นเดียวกัน หากเราสระผมในน้ำที่อุ่นเกินไป จะเป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้หนังศีรษะเราแห้งเป็นขุย ก่อให้เกิดรังแคในอนาคตได้นะคะ และหากเรามีการจัดแต่งทรงผมด้วยความร้อนอีก เส้นผมก็จะยิ่งแห้งกรอบ และแตกปลายด้วยล่ะค่ะ ขณะเดียวกัน การสระผมในน้ำที่เย็นเกินไปจะทำให้เส้นเลือดบริเวณหนังศีรษะหดตัว อาจทำให้ผมร่วงได้นะคะ ฉะนั้นเรามาใช้น้ำอุณหภูมิห้องสระผม เพื่อรักษาหนังศีรษะของเราให้แข็งแรงกันเถอะค่ะ
การเทแชมพูไปบนศีรษะโดยตรง แม้ว่าเราจะล้างทำความสะอาดหลายครั้ง ก็อาจทำให้ปริมาณสารเคมีตกค้างอยู่บนหนังศีรษะ และเส้นผมได้นะคะ แต่ถ้าเราถูแชมพูให้เกิดฟองก่อนค่อยสระ นอกจากนะจะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแชมพูให้ชะล้างผมได้อย่างทั่วถึงอีกด้วยค่ะ
การสระผมบ่อยเกินไป (วันละครั้ง หรือสระเช้า-เย็น) จะทำให้หนังศีรษะและเส้นผมได้รับสารเคมีมากเกินไป ส่งผลให้หนังศีรษะและเส้นผมแห้ง เป็นรังแค และผมร่วงในที่สุดค่ะ ฉะนั้นสาวๆ ควรสระผมประมาณสองถึงสามวันครั้งนะคะ แต่ถ้าหากวันนั้นมีกิจกรรมเยอะ เหงื่อออก หัวเหม็น ดรายแชมพูก็เอาไม่อยู่ อนุโลมให้สระผมติดๆ กันได้ค่ะ
การนวดหนังศีรษะเบาๆ ขณะสระผมนี้จะช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดให้ไปเลี้ยงเส้นผมได้ดีขึ้น ทั้งยังทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สบายหนังศีรษะด้วยนะคะ แต่...ไม่ควรเกาหนังศีรษะแรงๆ นะคะ ถึงจะคันแค่ไหนก็ควรใช้นิ้วมือนวดๆ วนๆ เพื่อบรรเทาอาการคันแทนการใช้เล็บเกา เพราะการเกาจะทำให้หนังศีรษะถลอกเป็นแผล ถึงขั้นอาจเกิดเชื้อราได้เลยล่ะค่ะ
หลังจากสระผมเสร็จ เช็ดผมพอหมาดแล้ว ควรใช้หวีห่างสางเส้นผมอีกครั้งก่อนไปเป่าผมนะคะ เพื่อป้องกันผมพันกัน และไม่ให้ผมขาดร่วงนั่นเองค่ะ
Tinayahc