Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

รวมเหตุการณ์ อัศจรรย์น่ารู้ "วันมาฆบูชา"

Posted By สาวเมฆสวย | 10 ก.พ. 60
28,577 Views

  Favorite

 

 หลากหลายเหตุการณ์สำคัญ วันมาฆบูชา

“มาฆบูชา” ย่อมาจากคำว่า “มาฆปุรณมีบูชา” แปลว่า “การบูชาพระในวันเพ็ญ เดือน 3” ตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 (หรือ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ในปีอธิกมาส) เนื่องจากมีหลายเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นและเป็นวันแรกที่พระพุทธศาสนาได้มีการวางรากฐานเป็นทางการผ่านโอวาทปาฎิโมกข์ และถือเป็นการประชุมสาวกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังมีหลากเหตุการณ์เกิดขึ้น แม้จะต่างพรรษากันไปในสมัยพุทธกาลก็ตาม 

 

ภาพ : ทรูปลูกปัญญา

 

เหตุการณ์ที่ 1 : วันจาตุรงคสันนิบาต

ซึ่งในวันนั้นถือว่า เป็น "วันจาตุรงคสันนิบาต" หรือ วันที่มีการประชุมพร้อมด้วยองค์ 4 

เนื่องจากมี "องค์ประกอบอัศจรรย์ 4 ประการ"  คือ

1) พระสงฆ์ 1,250 รูปที่พระพุทธองค์ได้ส่งไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาตามแว่นแคว้นต่างๆ ได้กลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้าอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย

2) พระสงฆ์ทั้งหมดล้วนเป็นเอหิภิกขุที่พระพุทธเจ้าทรงบวชให้ด้วยพระองค์เองทั้งสิ้น ซึ่งเรียกว่า เอหิภิกขุอุปสัมปทา

3) พระสงฆ์ทั้งหมดล้วนเป็นพระอรหันต์ คือผู้ได้อภิญญา 6 ข้อ

4) วันที่พระสงฆ์ทั้งหมดมาชุมนุมกันนี้ตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3)

 

ด้วยเหตุการณ์ประจวบกับ 4 อย่าง จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า จาตุรงคสันนิบาต (มาจากศัพท์บาลี จตุ+องฺค+สนฺนิปาต แปลว่า การประชุมอันประกอบด้วยองค์ประกอบทั้งสี่ประการ) โดยประชุมกัน ณ วัดเวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว 9 เดือน (45 ปี ก่อนพุทธศักราช)

 

โดยพระอรหันต์ทั้งหลายนั้นต่างไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ อันเป็นที่ประทับ โดยมีคณะทั้ง 4 คือ 

1) คณะศิษย์ของชฎิล 3 พี่น้อง คือ คณะพระอุรุเวลกัสสปะ (มีศิษย์ 500 องค์) 

2) คณะพระนทีกัสสปะ (มีศิษย์ 300 องค์) 

3) คณะพระคยากัสสปะ (มีศิษย์ 200 องค์) 

4) คณะของพระอัครสาวก คือ คณะพระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะ (มีศิษย์ 250 องค์)  

รวมนับจำนวนได้ 1,250 รูป (จำนวนนี้ไม่ได้นับรวมชฎิล 3 พี่น้อง และพระอัครสาวกทั้งสอง)

 

*************************************************************** 

เหตุการณ์ที่ 2 : ประทานโอวาทปาฏิโมกข์ หัวใจแห่งพระพุทธศาสนา 

พระพุทธเจ้าเมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นมหาสังฆสันนิบาตอันประกอบไปด้วยเหตุอัศจรรย์ดังกล่าว จึงทรงเห็นเป็นโอกาสอันสมควรที่จะแสดง "โอวาทปาฏิโมกข์" อันเป็นหลักคำสอนสำคัญที่เป็น หัวใจของพระพุทธศาสนา แก่ที่ประชุมพระสงฆ์เหล่านั้น เพื่อวางจุดหมาย หลักการ และวิธีการ ในการเข้าถึงพระพุทธศาสนาแก่พระอรหันตสาวกและพุทธบริษัททั้งหลาย 
"โอวาทปาฏิโมกข์"  แปลว่า คำสอน เพื่อความหลุดพ้นจากกิเลสและความทุกข์


โดยพระองค์ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์เป็นพระพุทธพจน์ 3 คาถากึ่ง ท่ามกลางมหาสังฆสันนิบาตนั้น มีใจความดังนี้ 

พระพุทธพจน์คาถาแรก

ทรงกล่าวถึง 

พระนิพพาน ว่าเป็นจุดมุ่งหมายหรืออุดมการณ์อันสูงสุดของบรรพชิตและพุทธบริษัท อันมีลักษณะที่แตกต่างจากศาสนาอื่น ดังพระบาลีว่า "นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา"

 

พระพุทธพจน์คาถาที่สอง

ทรงกล่าวถึง "วิธีการอันเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อเข้าถึงจุดมุ่งหมายของพระพุทธศาสนาแก่พุทธบริษัททั้งปวง โดยย่อ" คือ

การไม่ทำความชั่วทั้งปวง

การบำเพ็ญแต่ความดี

และการทำจิตของตนให้ผ่องใส เป็นอิสระจากกิเลสทั้งปวง 

ส่วนนี้ของโอวาทปาฏิโมกข์ที่พุทธศาสนิกชนมักท่องจำกันไปปฏิบัติ ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งคาถาในสามคาถากึ่งของโอวาทปาฏิโมกข์เท่านั้น

 

พระพุทธพจน์คาถาสุดท้าย 

ทรงกล่าวถึง 

หลักการปฏิบัติของพระสงฆ์ผู้ทำหน้าที่เผยแผ่พระศาสนา 6 ประการ คือ

การไม่กล่าวร้ายใคร, การไม่ทำร้ายใคร , การมีความสำรวมในปาฏิโมกข์ทั้งหลาย, การเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร และการรู้จักที่นั่งนอนอันสงัด

 

*************************************************************** 

ภาพ : www.sukjai.com

 

เหตุการณ์ที่ 3 : พระพุทธเจ้าทรงวันปลงพระชนมายุสังขาร

นอกจากเหตุการณ์จาตุรงคสันนิบาตในวันเพ็ญเดือน 3 ในพรรษาแรกของพระพุทธเจ้าแล้ว

ในวันเพ็ญเดือน 3 แห่งพรรษาสุดท้ายของพระพุทธเจ้า (คราวที่ทรงพระชนมายุ 80 พรรษา) ก็ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นอีกเหตุการณ์หนึ่ง คือ พระพุทธองค์ได้ทรง ปลงพระชนมายุสังขาร 



ขณะที่พระศาสดาเสด็จพักผ่อนกลางวัน ณ ปาวาลเจดีย์ ทรงแสดงนิมิตโอภาสแก่พระอานนท์ว่า ผู้ใดเจริญอิทธิบาท 4 ประการ อาจมีอายุยืนได้ถึงกัป แต่พระอานนท์มิได้ทูลอาราธนา

เมื่อพระอานนท์ออกไป มารจึงได้มาอาราธนาให้นิพพาน พระองค์ทรงมีสติสัมปชัญญะ ปลงอายุสังขาร ณ ปาวาลเจดีย์ว่า อีก 3 เดือนจะเสด็จปรินิพพาน ทำให้เกิดเหตุแผ่นดินไหว 

เมื่อพระอานนท์ทราบ จึงกราบทูลอาราธนาให้ทรงพระชนม์ชีพอยู่อีก แต่พระศาสดาตรัสว่า มิใช่กาล เพราะได้ทรงแสดงนิมิตแล้วถึง 16 ครั้ง ทรงทำนายว่าในวันเพ็ญเดือน 6 ที่จะมาถึง พระองค์จะเข้าสู่มหาปรินิพพาน 


จึงถือได้ว่าวันมาฆบูชาเป็น วันคล้ายวันสำคัญของพระพุทธศาสนาสองเหตุการณ์สำคัญ คือ

วันที่พระพุทธองค์ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ และวันที่ทรงทำการปลงพระชนมายุสังขาร

 

*************************************************************** 

เหตุการณ์ที่ 4 :  พระสารีบุตร บรรลุอรหัตผล

นอกจากนี้ วันมาฆบูชายังเป็นวันที่พระสารีบุตร บรรลุอรหัตผล ที่ถ้ำสุกรขาตา หลังจากบวชได้ 15 วัน 

 

ภาพ : ทรูปลูกปัญญา

 

เวลาผ่านไปครึ่งเดือน (หลังจากที่พระสารีบุตรบวชในพระพุทธศาสนา) ที่ถ้ำสุกรขาตา เชิงเขาคิชกูฏ นครราชคฤห์ พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพระสารีบุตร ทีฆนขปริพาชกผู้เป็นหลาน (ลุง)

 

พระสารีบุตร เข้าเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อทูลถามปัญหา พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเกี่ยวกับ ทิฏฐิและเวทนา ทีฆนขะได้บรรลุโสดาบัน ส่วนพระสารีบุตรนั้น ท่านกำลังถวายงานพัดพระพุทธองค์ ท่านได้ยินธรรมเหล่านั้นอยู่ด้วย ก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 นั่นเอง
 

*************************************************************** 

เหตุการณ์ที่ 5 : พระพุทธเจ้าทรงตั้งพระอัครสาวก คือพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ

 ในวัน 15 ค่ำเดือน 3 นั้นเอง เนื่องจากเป็นวันที่พระสาวกล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ 1,250 องค์ ไม่ได้นัดหมายกันมาประชุมพร้อมกันได้

 

พระพุทธเจ้าจึงทรงตั้งให้ พระสารีบุตรเป็นอัครสาวกฝ่ายขวา ให้พระโมคคัลลานะเป็นอัครสาวกฝ่ายซ้าย 

นับว่าเป็นการประชุมพระสาวกครั้งแรก ณ เวฬุวันวิหารเมืองราชคฤห์ 

 

ป่าไผ่อันร่มรื่น ที่ วัดเวฬุวันมหาวิหารสถาน

 

*************************************************************** 

ความหมายการเวียนเทียน วันมาฆบูชา

เวียนเทียน รอบที่ 1 : รำลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า โดยภาวนาบท อิติปิโส ภะคะวาฯ ไปจนจบ เพื่อให้จิตใจมีสมาธิ

เวียนเทียน รอบที่ 2 : รำลึกถึงคุณพระธรรม ภาวนาบทสวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโมฯ ไปจนจบ

เวียนเทียน รอบที่ 3 : รำลึกคุณพระสงฆ์ ภาวนาบทสุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆฯ ไปจนจบ ระหว่างนั้นต้องทำจิตใจให้สงบ แน่วแน่กับบทบูชา

 

*************************************************************** 

กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันมาฆบูชา

หลักการปฏิบัติสำหรับพุทธศาสนิกชนในวันมาฆบูชา คือ

ทำบุญตักบาตรในตอนเช้า และเข้าวัดเพื่อฟังพระธรรมเทศนา อีกทั้งบำเพ็ญประโยชน์แก่บุคคลรอบข้าง บำรุงสถานที่ศาสนา เมื่อถึงตอนค่ำ จะนำดอกไม้ธูปเทียน นำมาเวียนรอบพระอุโบสถ โดยเวียนจากขวาไปซ้าย จำนวน 3 รอบ ซึ่งระหว่างเดินให้ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงค์ และคำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อเป็นบุญกุศลให้กับตัวเอง

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
  • Posted By
  • สาวเมฆสวย
  • 1 Followers
  • Follow